ย้อนหลังกลับไปสักราวๆ ปีก่อน พระคึกฤทธิ์
โสตฺถิผโล ได้รับเกียรติจาก
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ให้เข้าร่วมเสวนาวิชาการในเรื่องคำสอนของพระพุทธเจ้า บนเวทีแห่งนั้น มีวิทยากรร่วมกันหลายท่าน
และมีพระเดชพระคุณพระศรีคัมภีรญาณ เป็นวิทยากรร่วมอยู่ด้วย
และมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน รวมถึงพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล ด้วย
พระเดชพระคุณพระศรีคัมภีรญาณมีมารยาทต่อท่านคึกฤทธิ์มาก
ท่านยังเล่าให้ที่ประชุมว่าท่านคึกฤทธิ์ให้เกียรติมากที่มาร่วมเสวนาในวันนั้น
และท่านยังเล่าว่า เคยสอนที่เสถียรธรรมสถานกับท่านคึกฤทธิ์ (ข้าพเจ้าเริ่มไม่แน่ใจว่า เสถียรธรรมสถานเป็นเหยื่อเสาอโศกด้วยอีกรายหรือไม่)
และยังเคยฉันข้าวด้วยกัน
การเสวนาในวันนั้น
ทุกท่านต่างตอบปัญหาเรื่อง “พระพุทธเจ้าสอนอะไร”
ตามมุมมองของตนเองพร้อมทั้งแสดงคัมภีร์ที่ตนศึกษามา สำหรับมหาวิทยาลัยมหาจุฬา ซึ่งมีการศึกษาแบบสากลเหมือนพุทธทั่วโลกที่ศึกษาทั้งบาลี พระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์อื่น
จึงได้วิสัชนาในวันนั้นด้วยนาๆ คัมภีร์
ส่วนพระคึกฤทธิ์วิสัชนาด้วยพระสูตรเท่านั้น
ข้าพเจ้าดูคลิปนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่า
ความรู้ท่านคึกฤทธิ์ช่างคับแคบนัก รู้เพียงเฉพาะพระสูตร
ในขณะที่คัมภีร์พระพุทธศาสนามีอยู่มากมายแต่ท่านก็ไม่ “รู้” ข้าพเจ้าย้ำกับท่านคึกฤทธิ์เสมอว่า
คัมภีร์มีไว้ให้ศึกษา ไม่ได้มีไว้ให้หาความจริง
ความจริงอยู่ในกายและใจของท่านมิใช่ในคัมภีร์
ข้าพเจ้าเข้าใจเอาเองจากกริยาในคลิปนั้นว่า วิทยากรทุกท่านมีมารยาทมาก
แม้จะเห็นว่าท่านคึกฤทธิ์มีความรู้น้อยแต่ก็ให้เกียรติมิได้ข่มวาทะท่านคึกฤทธิ์แต่อย่างใด ใครจะนึกจะฝันว่า
วันหนึ่งท่านคึกฤทธิ์จะหันกลับมาแว้งกัดมหาจุฬาฯ ด้วยการจาบจ้วงว่า มหาจุฬาไม่เรียนพุทธวจนะ เรียนแต่อรรถกถา อันไม่เป็นความจริง
ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้เห็นความจริงนี้ที่เวทีท้องสนามหลวง
และเหตุการณ์จากการเสวนาในวันนั้น ทำให้สาวกท่านคึกฤทธิ์รู้สึกว่า ท่านคึกฤทธิ์เลิศที่สุด รู้มากที่สุด
เพราะพูดแต่พุทธวจนะ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว คนที่รู้คัมภีร์มากจะมีความรู้น้อยกว่าคนที่รู้คัมภีร์น้อย
ย่อมไม่ใช่ฐานะเลย
ท่านคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
นอกจากไม่รู้คัมภีร์แล้ว ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดเป็นกุศล
สิ่งใดไม่เป็นกุศล
ต่อมายังเดินสายแสดงธรรมจาบจ้วงผู้อื่นอย่างมากมาย แม้แต่มหาจุฬาที่เคยให้เวทีแสดงความคิด ให้ยืมพระไตรปิฎกบาลีสยามรัฐก็ยังไม่เว้นที่จะแว้งกัดเอาได้
ข้าพเจ้าเฝ้ามองแนวคิดของพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล แล้ว ได้แต่สลดใจ ท่านคึกฤทธิ์
โสตฺถิผโล จะมีมิตรแท้อีกสักแค่ไหนในโลกนี้ นอกจากสาวกที่หน้ามืดตามัว เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจและบริสุทธิ์ปัญญาว่า อาจารย์ตนและตนเท่านั้นที่ศึกษาคำพระตถาคต อาจารย์ตนเท่านั้นที่เผยแผ่ธรรมพระตถาคต
อาจารย์ตนเท่านั้นที่พูดแต่คำพระพุทธเจ้าอันไพเราะ โถ
น่าสงสาร
เขาเหล่านั้นลืมความจริงว่า
พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสเป็นภาษาไทย
แต่สำนวนอันไพเราะที่เขาอ่านกันเป็นภาษาไทยนั้น
เกิดจากคนที่เขาว่าไม่รู้พุทธวจนะนั่นหล่ะที่แปลให้อ่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น