ข้าพเจ้าได้ดูคลิป
“สนทนาธรรมเช้าวันพฤหัสบดีก่อนฉัน 2014-09-11”
ซึ่งปัจจุบันคลิปชุดนี้ได้ถูกลบไปแล้ว แต่ข้าพเจ้ามีต้นฉบับอยู่ ในคลิปนั้น
ท่านได้จาบจ้วงมหาเถรสมาคมโดยการสนทนากับสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งอ้างว่า
เป็นโยมแม่ของพระในวัดท่านซึ่งมีนามว่า “ภันเตวิน” ในคลิปนั้น มีการจาบจ้วงมหาเถรสมาคมอย่างแรงมาก
ในส่วนของกฎหมาย
ข้าพเจ้าในฐานะเป็นผู้สอนกฎหมาย ได้ฟังแล้วทราบชัดว่า
ท่านไม่มีความรู้ด้านกฎหมายและพระวินัย ข้าพเจ้านึกเห็นใจ
ท่านเป็นผู้กล่าวอยู่เสมอว่า วิชานิติศาสตร์ไม่มีความจำเป็น จัดเป็นคัมภีร์โลกยตะ
ทางโลกที่พระศาสดาไม่ได้บัญญัติว่าให้พระเรียน
แต่เมื่อข้าพเจ้าเห็นท่านแสดงภูมิความรู้ด้านกฎหมายแล้ว
อดนึกสงสัยไม่ได้ว่า
เมื่อเป็นคัมภีร์ที่ไม่ให้พระเรียน แล้วท่านเองก็ไม่ได้เรียน
เมื่อไม่ได้เรียนก็หมายความว่าไม่มีความรู้ แล้ว “อวดรู้” ทำไม
ท่านกล่าวถึงการที่
คสช. ส่งร่างกฎหมายเข้า สนช. บัญญัติกฎหมายเพิ่ม
ให้เป็นกฎหมายพิเศษเอาผิดกับพระที่เสพเมถุนธรรม อันเป็นปาราชิก ๑ ใน ๔
โดยให้เอาโทษทางอาญาแก่พระผู้ปาราชิกนั้นด้วย
ท่านแสดงความคิดเห็นว่า คนออกกฎหมายไม่รู้กฎหมาย บัญญัติแค่เมถุนธรรม
ซึ่งเป็นปาราชิก ๑ ใน ๔ แล้วที่เหลืออีก ๓ เล่า ไม่ผิดกฎหมายหรือ
ด้วยความรู้สึกสงสารท่าน
และเกรงว่า ผู้ฟังความคิดเห็นท่านจะหลงเชื่อท่าน และคิดไปผิดๆ แผลงๆ ว่า
พระฆ่ามนุษย์ ลักทรัพย์ อวดอุตริมนุษยธรรม เอาปัจจัยจากชาวบ้าน ไม่มีความผิดกฎหมาย
คงมีแค่ปาราชิกเท่านั้น จะมีโจรพากันมาบวช
แล้วพากันไปปล้น ไปฆ่า ไปหลอกลวงชาวบ้าน โดยคิดเอาว่า
ถ้าบวชแล้วทำความผิดดังกล่าวจะมีโทษเพียงปาราชิก ไม่ต้องรับโทษทางอาญาบ้านเมือง
ข้าพเจ้าจึงต้องเขียนชี้แจงให้ท่านและผู้อ่านได้เข้าใจว่า
ปาราชิก
๔ นั้น มีกฎหมายรับรองการกระทำความผิดอาญาไว้ ๓ อย่าง ได้แก่
การฆ่ามนุษย์
มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘
การลักทรัพย์ มีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๔, ๓๓๕ ,
๓๓๗, ๓๔๐
การอวดอุตริมนุษยธรรมเพื่อหาลาภ
เช่น กรณีเณรคำ มีความผิดฐานฉ้อโกงหรือฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๓๔๒ , ๓๔๓
ซึ่งไม่ว่าพระหรือฆราวาสกระทำก็จะต้องมีความผิดเช่นเดียวกัน
เมื่อครั้งประเทศไทยใช้กฎหมายตราสามดวง
ก่อนมีการแก้ไขกฎหมาย ระบบกฎหมายและระบบวิธีพิจารณาความ
เมื่อพระทำผิดพระวินัยร้ายแรง จะต้องถูกลงโทษทางอาณาจักรด้วย แม้พ่อแม่
พระอุปฌาย์ก็ไม่เว้น หลักฐานปรากฎในกฎพระสงฆ์ กฎหมายตราสามดวง
โทษที่ลงเป็นโทษทางอาญา ทวนด้วยลวดหนัง สักหน้า ประจาน
เพราะเหตุการลงโทษของเรารุนแรง เราจึงเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ฝรั่งต่างชาติ
ทำผิดกฎหมายในบ้านเรากลับไม่ต้องถูกลงโทษ เราจึงต้องมีการแก้กฎหมายและระบบกฎหมายกันเสียใหม่
ที่สำคัญคือ การแก้ไขระบบกฎหมายไปใช้แบบกล่าวหา
ซึ่งแต่เดิมเราเคยใช้แบบไต่สวนเหมือนท่านเปา พอเรามาใช้ระบบกล่าวหา
ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ต้องขวนขวายดิ้นรนพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง
ซึ่งเรายอมรับว่า มีแพะในกระบวนการยุติธรรมมากมาย
ในส่วนของการเสพเมถุนนั้น
เมื่อประชาชนเสพเมถุนไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย พระเสพเมถุนจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย
แต่เป็นความผิดวินัยร้ายแรงถึงกับต้องขาดจากความเป็นพระแล้วมาใช้ชีวิตฆราวาส
เสพเมถุนเสียให้พอใจ
วิชานิติศาสตร์
เป็นวิชาที่สอนให้คนไม่ละเมิดต่อศีล กฎหมายจึงมีพื้นฐานมาจากศีล เรียกว่าเป็น “กฎแห่งกรรมสมมติ”
ในทางโลกียะ แต่ท่านกลับปฏิเสธ และแถมยังแสดงความอวดรู้ด้วยการแสดงภูมิในวิชานิติศาสตร์
ซึ่งหาไม่ได้ในความรู้ที่ประดับปัญญาท่านอยู่เลย หรือว่า ท่านศึกษากฎหมายมาจาก คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคกอีแร้ง เล่าหนอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น