วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เสียดสี ใส่ความ มหาเถรสมาคม หลังเข้ากราบเจ้าประคุณสมเด็จวัดปากน้ำ






จากการที่มีผู้ร้องเรียนพระคึกฤทธิ์  โสตฺถิผโล  ว่าทำการสวดปาฏิโมกข์ ๑๕๐ ข้อ ผิดพระธรรมวินัย  พระคึกฤทธิ์ได้ชี้แจงต่อมวลชนว่า ตนกระทำตามพุทธวจนะซึ่งพระพุทธองค์บัญญัติไว้ในพระสูตร  และยังยกหนังสือวินัยมุขซึ่งเป็นหนังสือในชั้นเรียนนักธรรมตรีมาพิงหลัง  ในขณะนี้ตนเองก็จาบจ้วงการศึกษานักธรรมตรี  โท  เอก  ว่าเรียนเดรัจฉานวิชา ไม่เรียนพุทธวจนะ

หลังจากที่มหาเถระสมาคมมีมติไม่เอาผิดพระคึกฤทธิ์  โสตฺถิผโล  แต่ขอให้สวดปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อ ให้เหมือนชาวบ้านนาๆ อารยะประเทศ  ทั้งมีการชี้แจงโดยพระผู้ใหญ่  แม้แต่พระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต  ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยท่านก็ได้ออกมาชี้แจง  ซึ่งสาวกของท่านคึกฤทธิ์ก็พากันด่าทอสาปแช่งพระเดชพระคุณท่านให้ตกนรกหมกไหม้ เพราะตัดทอน “ศีลพระ”  ให้เหลือ  ๒๒๗  ข้อ  ข้าพเจ้าก็งง  สังคมเขาพูดถึง “วินัยในพระปาฏิโมกข์”  แต่ท่านคึกฤทธิ์และสาวกกลับแถไปเรื่อง “ศีล”

ท่านคึกฤทธิ์และสาวกยอมรับคำตัดสิน แต่หาได้ยอมด้วยใจไม่  ในขณะที่สาวกกลุ่มหนึ่งก็หมายจะนำเอาภาพที่ท่านคึกฤทธิ์เข้ากราบเจ้าประคุณสมเด็จไว้เป็น  “ไม้กันหมา”  กันคนร้องเรียนท่านคึกฤทธิ์อีก จะได้อ้างได้ว่า ท่านคึกฤทธิ์เข้าถึงเนื้อถึงตัวผู้หลักผู้ใหญ่สูงสุดในเถระแห่งบ้านเมืองนี้ 

แต่ทางด้านสาวกสายฮาร์ทคอร์ก็ทำพุทธวจนตูน  ออกมาเสียดสีการยอมรับดังกล่าวว่าตนไม่ยอมรับแต่ถูกบังคับให้รับ ยังคงยืนยันความถูกต้องของพระปาฏิโมกข์ว่ามีเพียง ๑๕๐ ข้อ แม้ตนและพวกวัดนาป่าพงจะเป็นวัดเดียวในโลก  เป็นภิกษุกลุ่มเดียวในโลกและในรอบสองพันห้าร้อยกว่าปี  ก็ตาม

สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า  ณ วันนี้  ท่านคึกฤทธิ์  โสตฺถิผโล ยังไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นและเปิดใจรับองค์ความรู้จากใคร  ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจง่ายมากๆ ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากแต่อย่างใด  นอกจากไม่เปิดใจแล้ว  ยังยืนยันอยู่กับกระบวนการการเรียนรู้ที่ผิดฝาผิดตัว ผิดทางจนเข้ารกเข้าพงของตน  ฤาท่านคึกฤทธิ์จะรอให้มีการเผาพุทธวจนปิฎกและหนังสือพุทธวจนของสำนักท่านกลางท้องสนามหลวงเสียก่อนกระมัง ท่านคึกฤทธิ์จึงค่อยเริ่มคิดทบทวน 

ไม่มีความคิดเห็น: