จากการที่มีผู้ร้องเรียนพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
ว่าทำการสวดปาฏิโมกข์ ๑๕๐ ข้อ ผิดพระธรรมวินัย พระคึกฤทธิ์ได้ชี้แจงต่อมวลชนว่า ตนกระทำตามพุทธวจนะซึ่งพระพุทธองค์บัญญัติไว้ในพระสูตร
และยังยกหนังสือวินัยมุขซึ่งเป็นหนังสือในชั้นเรียนนักธรรมตรีมาพิงหลัง ในขณะนี้ตนเองก็จาบจ้วงการศึกษานักธรรมตรี โท
เอก ว่าเรียนเดรัจฉานวิชา
ไม่เรียนพุทธวจนะ
หลังจากที่มหาเถระสมาคมมีมติไม่เอาผิดพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
แต่ขอให้สวดปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อ ให้เหมือนชาวบ้านนาๆ อารยะประเทศ ทั้งมีการชี้แจงโดยพระผู้ใหญ่ แม้แต่พระเดชพระคุณพระพรหมบัณฑิต
ท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยท่านก็ได้ออกมาชี้แจง ซึ่งสาวกของท่านคึกฤทธิ์ก็พากันด่าทอสาปแช่งพระเดชพระคุณท่านให้ตกนรกหมกไหม้
เพราะตัดทอน “ศีลพระ” ให้เหลือ ๒๒๗
ข้อ ข้าพเจ้าก็งง สังคมเขาพูดถึง “วินัยในพระปาฏิโมกข์” แต่ท่านคึกฤทธิ์และสาวกกลับแถไปเรื่อง “ศีล”
ท่านคึกฤทธิ์และสาวกยอมรับคำตัดสิน
แต่หาได้ยอมด้วยใจไม่
ในขณะที่สาวกกลุ่มหนึ่งก็หมายจะนำเอาภาพที่ท่านคึกฤทธิ์เข้ากราบเจ้าประคุณสมเด็จไว้เป็น “ไม้กันหมา”
กันคนร้องเรียนท่านคึกฤทธิ์อีก จะได้อ้างได้ว่า
ท่านคึกฤทธิ์เข้าถึงเนื้อถึงตัวผู้หลักผู้ใหญ่สูงสุดในเถระแห่งบ้านเมืองนี้
แต่ทางด้านสาวกสายฮาร์ทคอร์ก็ทำพุทธวจนตูน
ออกมาเสียดสีการยอมรับดังกล่าวว่าตนไม่ยอมรับแต่ถูกบังคับให้รับ
ยังคงยืนยันความถูกต้องของพระปาฏิโมกข์ว่ามีเพียง ๑๕๐ ข้อ แม้ตนและพวกวัดนาป่าพงจะเป็นวัดเดียวในโลก
เป็นภิกษุกลุ่มเดียวในโลกและในรอบสองพันห้าร้อยกว่าปี ก็ตาม
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ณ วันนี้
ท่านคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
ยังไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นและเปิดใจรับองค์ความรู้จากใคร ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจง่ายมากๆ
ไม่ใช่เรื่องเข้าใจยากแต่อย่างใด
นอกจากไม่เปิดใจแล้ว
ยังยืนยันอยู่กับกระบวนการการเรียนรู้ที่ผิดฝาผิดตัว
ผิดทางจนเข้ารกเข้าพงของตน ฤาท่านคึกฤทธิ์จะรอให้มีการเผาพุทธวจนปิฎกและหนังสือพุทธวจนของสำนักท่านกลางท้องสนามหลวงเสียก่อนกระมัง
ท่านคึกฤทธิ์จึงค่อยเริ่มคิดทบทวน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น