ธรรมชาติของกาเหว่า จะไข่ให้แม่กาฟัก โดยแอบไปไข่ไว้ในรังแม่กา แม่กาก็หลงรัก คิดว่าลูกในอุทร
ลูกกาเหว่าเอง ครั้นเมื่อฟักออกมาจากไข่ ลูกกาเหว่าก็พยายามเบียดลูกกาแท้ๆ ให้ตกจากรัง
เลยกลายเป็นว่า แม่กามีลูกเป็นกาเหว่า
ท่านคึกฤทธิ์ เป็นกาเหว่าในพระพุทธศาสนา
ที่เป็นภัยร้ายแรงกว่ากาฝากที่คอยหากินกับพระศาสนาเท่านั้น หากแต่ท่านคึกฤทธิ์เป็นกาเหว่าที่คอยแอบตัดทอนคำสอนในพระพุทธศาสนาด้วยการตัดทอนพระไตรปิฎกแบบเนียนๆ
ทำให้ประชาชนที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา
ไม่รู้อย่างลึกซึ้งถึงการสืบทอดคัมภีร์พระพุทธศาสนาเข้าใจว่า ท่านคึกฤทธิ์
คือผู้ที่ค้นพบคำสอนของพระพุทธองค์โดยใช้ยี่ห้อ เรียกว่า “พุทธวจน”
และท่านคึกฤทธิ์จะให้คนรู้ไม่ได้ว่า คำสอนของตนในพุทธวจนปิฎก
นั้นเป็นของปลอม
จะไม่ให้รู้ก็ต้องทำลายพระไตรปิฎกเสีย
เหมือนกับลูกกาเหว่าที่คอยจ้องเบียดลูกกาให้ตกจากรัง ฉะนั้น
พุทธวจนปิฎกคือการปลอมพระไตรปิฎกแบบแนบเนียนที่สุด โดยท่านคึกฤทธิ์ใช้ความคิดเห็นของตนตัดคำพระอานนท์
ตัดคำพระอรหันต์ โดยหล่อหลอมความคิดให้ประชาชนเข้าใจว่า ว่า
เป็นสาวกภาษิต และโปรแกรมสมองของประชาชนว่า
“อย่าฟังคำคนอื่น แม้จะเป็นสาวกผู้เลิศทางปัญญาก็ตาม”
ท่านคึกฤทธิ์เอาสิทธิ์อะไรไปตัดออก การสังคายนาพระไตรปิฎกได้กระทำโดยผ่านคนทั้งโลก
รุ่นต่อรุ่น
ล้มตายไปก็สืบต่อ ล้มตายไปก็สืบต่อ ผ่านคนแปลเป็นหมู่คณะ รุ่นต่อรุ่น ท่านตัดออกโดยลำพังความคิดเห็นที่เป็นใหญ่ของท่านเอง
แล้วนำมาขายเล่มละ ๑,๙๐๐ บาท ดูเผินๆ
เหมือนท่านเป็นกาฝากที่หากินกับพระพุทธศาสนาเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว ไม่แค่นั้น
ท่านคือกาเหว่าที่จ้องทำลายพระพุทธศาสนาให้เสื่อมเสียไปด้วยการทำลายปริยัติธรรม
ทำลายรากแก้วของปริยัติธรรมคือภาษาบาลีที่ใช้ทรงจำและสังคายนาพระไตรปิฎกในการสังคายนาของชาวพุทธไทยทั้งโลกร่วมกัน
ท่านสอนประชาชนไปได้อย่างไรว่า สกิเทว
แปลว่า เทวดาคราวเดียว อาคันตวา แปลว่า
ผู้มาเยือน
ถ้าไม่มีคนอย่างข้าพเจ้าและเหล่าคนรู้ทันท่าน
ที่จะออกมาปกป้องพระไตรปิฎกและหลักสูตรเปรียญธรรม อีกหน่อยชาวพุทธไทย
จะไปสังคายนาร่วมกับชาวบ้านเขาได้อยู่หรือ ก็คงเหมือนคนๆ เดียวในห้อง
ที่ท่องสูตรคูณพร้อมกับเขาว่า
สองสองแปด ในขณะที่ทั้งห้องเขาท่อง สองสองสี่
ณ วันนี้ มีคนรู้ทันท่านคึกฤทธิ์มากขึ้นแล้ว เพราะท่านเป็นลูกกาเหว่า แม่กาจึงไม่ทันสังเกต เฝ้าเลี้ยงและปล่อยให้ท่านเติบโต
ในขณะที่ลูกของตนถูกลูกกาเหว่าที่ตนเฝ้าเลี้ยงมาทำลาย
ท่านตัดพระไตรปิฎกในพระบรมราชูปถัมภ์ออก
แล้วก๊อปปี้ส่วนที่ตนคิดว่าจริงมาขาย หลอกลวงให้ประชาชนเห็นว่าเป็น
"งานใหม่" ท่านเอาอะไรคิด เอาอะไรทำ
คัมภีร์สืบทอดมาอย่างไร
ต้องรักษาไว้อย่างนั้น ปล่อยให้เป็นปัญญาของผู้ศึกษาและปฏิบัติเขาแยกเอง
ไม่ใช่เอาปัญญากากๆ ของตนเองมาเที่ยวแยกให้ใคร
หยุดเอาความโง่ของตน ยัดใส่สมองของใคร
เผาทิ้งหนังสือและแท่นพิมพ์เท่านั้น ที่ประชาชนต้องการ
เอาให้เข็ด ให้เป็นประวัติศาสตร์
อย่าให้มีมันพวกใด เหล่าใด ใช้ทิฐิของตน บังอาจชำระพระไตรปิฎกให้เปลี่ยนแปลงไปได้อีกเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น