วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เผาทิ้งทุพพจนะ การกระทำที่น่าอนุโมทนา





ข้าพเจ้าได้เคยอ่านบทความหนึ่งในอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการเผาทิ้งหนังสือของวัดนาป่าพง คือ หนังสือ พุทธวจน (พุด ทะ วะ จน) ทั้งชุด  ข้าพเจ้านึกถึงประเทศพม่า ที่ประเทศพม่านั้น จะมีการเรียนภาษาบาลีแบบชุดใหญ่ เรียกว่า “บาลีใหญ่” พระเณรของประเทศพม่าต้องศึกษาพระไตรปิฎกจากภาษาบาลีด้วยวิชาบาลีใหญ่ เพราะตระหนักว่า ตนมิได้เกิดและเติบโตในยุคพุทธกาล ไม่ได้ใช้ภาษาบาลีเป็นภาษาแม่ ดังนั้น ผู้ทรงไตรปิฎกจึงต้องยกให้แก่ประเทศพม่า เรียกว่า พระไตรปิฎกธร  

สำหรับพระไตรปิฎกธรที่มีชื่อเสียง คือ พระอาจารย์ภัททันตะ วิจิตตะ สาราภิวังสะปฐมตริปิฏกะธร ตรีปิฎกโกวิทะ ตรีปิฎกะธรรมภัณฑาคาริกะ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปฐมเมิงกุน สยาดอ เมืองสะกาย ท่านสามารถจำได้ทุกหน้าทุกบรรทัดราวกับเปิดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์  ถึงขนาดที่ว่าหนังสือกินเนสส์บุ๊ก พ.ศ. ๒๕๒๘ ซึ่งตีพิมพ์ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ได้บันทึกความทรงจำที่น่ามหัศจรรย์ ของท่านไวว่า พระอาจารย์ใหญ่เมงกุนสียาดอ ประเทศพม่า มีความทรงจำท่องพระไตรปิฎก ๑๖,๐๐๐ หน้า (๒๔๐,๐๐๐ ตัวอักษร)ได้ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗(ค.ศ.๑๙๕๔) ซึ่งเป็นตัวอย่างของความทรงจำของมนุษย์ที่หาได้ยากมาก”  โปรแกรม E Tipitaka ของท่านคึกฤทธิ์ยังสู้ท่านไม่ได้  แล้วตัวท่านคึกฤทธิ์จะเอาอะไรมาเทียบเสมอชั้นท่านได้

พระพุทธเจ้ารับสั่งให้พระสาวกประกาศพรหมจรรย์ คือ ศาสนา ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ทั้งอรรถและพยัญชนะ  เอาแค่พยัญชนะพระคึกฤทธิ์ยังแปล “สกิเทว” ว่า เทวดาคราวเดียว  แปล อาคนฺตฺวา ว่า  ผู้มาเยือน  จะหวังพึ่งว่าอรรถะจะงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ดังที่ท่านคุยโม้ว่าตนเป็นผู้ประกาศพุทธวจนะของพระศาสดา ข้าพเจ้าคิดว่า “ไม่ใช่ฐานะ”


ท่านคึกฤทธิ์เที่ยวกล่าวติฉินนินทาการปฏิบัติโดยภาวนาต่างๆ ท่านจะไปเข้าใจอะไรในอรรถะของพระศาสดาเล่า ในเมื่อพยัญชนะท่านยังไปได้แค่ท้ายสวน

ในประเทศพม่า ผู้ที่จะกล่าวว่าตนเป็นผู้ประกาศพระสัทธรรมจะต้องศึกษาพระสัทธรรมโดยตรงจากภาษามคธ (บาลี) จนเข้าใจทั้งปริยัติและปฏิบัติจนเข้าใจจึงจะประกาศว่าตนเป็นผู้สอนธรรมได้  อย่างพระคึกฤทธิ์จึงเป็นได้แค่ผู้ศึกษาที่แบ่งปันบอกต่อเท่านั้น (แถมแบ่งปันยังผิดๆ อีก) ไม่อาจยกตนขึ้นประกาศว่าเป็นผู้เปิดธรรมที่ถูกปิดได้ดอก ข้าพเจ้าเกรงว่าท่านจะเป็นผู้ปิดธรรมที่พระศาสดาทรงเปิดไว้แล้วเสียมากกว่า ดังนั้น ถ้าหนังสือสอนธรรมในประเทศพม่า ถูกพบว่าสอนผิดๆ คนพม่าจะเผาหนังสือนั้นทิ้งทันที ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นหนอนบ่อนไส้พระศาสนา ระคายเคืองเบื้องพระบาทพระศาสดาและนำมาซึ่งความหลงผิดของประชาชน  การเผาพุทธวจน (พุด ทะ วะ จน) ที่ท่านเขียนขึ้นมา จึงเป็นเรื่องน่าอนุโมทนา ต้นไม้มีพิษย่อมผลิตลูกไม้ที่มีพิษ คำสอนที่ผิดไม่อาจจับใส่พระโอษฐ์พระศาสดาได้  เผาทิ้งอย่าให้เหลือซากเป็นรอยด่างแก่พระพุทธศาสนา ข้อนั้นจึงควร




พุทธวจนปิฎกคำจริง พระไตรปิฎกคำปลอม โดยพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล วัดนาป่าพง



โอ้ เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังคลิปและดูภาพนี้แล้ว สุดจะบรรยาย ข้าพเจ้าจึงเข้าใจชัดเจนว่า เหตุใดท่านจึงต้องโจมตีพระไตรปิฎกว่ามีคำปลอม พุทธวจนปิฎกของท่านเท่านั้นคือคำจริง จนถึงขนาดกับกล่าวว่า ต่อไปจะไม่ใช่พระไตรปิฎก แต่จะใช้พุทธวจนปิฎก ของสำนักท่านแทน 





ความจริงแล้ว พุทธวจนปิฎก ก็คัดลอกเอามาจากพระไตรปิฎก แล้วนำมาตัดเอาคำพระเถระออก ตัดเอาสาวกภาษิตออก เพราะท่านมีทิฐิว่า คำพระสาวกฟังไม่ได้ ท่านจึงได้บัญญัติคึกฤทธิ์กถาขึ้นบทหนึ่งว่า  “อย่าฟังคำคนอื่น” พอมีคนถาม ท่านก็ตอบว่า ถ้าพระสาวกอย่างพระสารีบุตรและท่านอื่นๆ กล่าวคำพระศาสดาก็ให้ฟังได้  ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าสงสัยว่า แล้วท่านจะตัดเถระคาถา ตัดสาวกภาษิต เทวดาภาษิต ออกจากพระไตรปิฎกทำไม  ท่านสอบสวนแล้วหรือว่า  คำพระสาวกขัดกับคำพระศาสดาตรงไหน ในเมื่อพระไตรปิฎกล้วนมีแต่คำพระสารีบุตร พระอริยสาวกท่านอื่นๆ และเทวดาภาษิตที่พระพุทธองค์ทรงรับรอง ในส่วนของพระอภิธรรมบางส่วนเช่น กถาวัตถุ แม้จะแต่งขึ้นมาภายหลัง แต่ท่านตอบได้หรือไม่ว่า ส่วนไหน คำไหน ที่ขัดกับพุทธวจนะของพระศาสดา  ท่านพูดกลับไปกลับมาอีกในข้อนี้  ตามหลักฐานในคลิปนี้ 

จิต ๘๙ ดวงก็ดี ๑๒๑ ดวงก็ดี  ไม่มีในพระอภิธรรมปิฎก  ท่านสับสนกับคัมภีร์อภิธัมมัตถสังคหะหรือเปล่า ข้าพเจ้าเห็นสาวกของท่านชอบนำเรื่องนี้ไปเที่ยวถามชาวบ้านว่า รู้มั้ยว่า เรื่องนี้ แต่งใหม่ เขารู้กันนานแล้วท่าน แต่ที่ท่านและสาวกของท่านไม่รู้คือ เรื่องนี้เป็นคำอธิบายซึ่งครูบาอาจารย์แต่งขึ้นในภายหลัง  คัมภีร์นี้ไม่จัดอยู่ในชั้นพุทธวจนะ แต่ก็ยังดีกว่าคำแต่งใหม่ที่ท่านสอนเหล่าสาวกของท่าน เพราะสาวกของท่านแม้องค์ปฏิจจสมุปบาทยังท่องกันไม่ถูกเลย  ข้าพเจ้าว่า ท่านมีความรู้รอบตัวน้อย แต่คิดว่าตนรู้เยอะ จึงทำให้แสดงความไม่รู้ออกโชว์ต่อสาธารณชนหลายครั้งหลายครา  ส่วนสาวกของท่าน รู้น้อยกว่าท่าน จึงไม่รู้ว่าท่าน "ไม่รู้อะไร หรือรู้อะไรผิดบ้าง" ข้าพเจ้ารู้สึกเวทนา (อ่านว่า เวด ทะ นา คนละความหมายกับ เว ทะ นา ในขันธ์ ๕ อันนี้ท่านก็คงไม่รู้ แล้วหาว่าคนไทยใช้คำพูดผิดอีกสินะ)







ตกลงพระไตรปิฎกมี "คำคนอื่น" หรือเป็นเพราะว่า ท่านจะขายหนังสือพุทธวจนปิฎกเล่มละ ๑,๙๐๐ บาท รวม ๓๓ เล่ม ของท่านใช่หรือไม่ เจตนาของท่านคืออะไร  ข้าพเจ้าจะนำความนี้ไปถามท่านในวันที่เราได้พบกัน 

ควรหรือไม่  ที่จะกล่าวว่าพระไตรปิฎกคำปลอม พุทธวจนปิฎกคำจริง ทั้งๆ ที่ในพระไตรปิฎกไม่มีคำคนอื่นเลย 

จดหมายถึงพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล




                                                                                                         วันที่  ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗

นมัสการเรียน  พระคึกฤทธิ์  โสตฺถิผโล

เรื่อง  แจ้งให้ทราบถึงกำหนดการนัดหมายและเสนอแนะทูลเกล้าถวายฎีกา

          ตามที่ข้าพเจ้าได้ติดต่อผ่านเลขาของท่าน เรื่องการนัดหมายเข้าพบเพื่อสอบถามถึงกรณีต่างๆ ที่ท่านได้พาดพิงบุคคลอื่น องค์กรอื่น หลายประเด็น จนทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมนั้น  ทางท่านได้ขอเลื่อนการนัดหมาย โดยให้ทำการนัดหมายกันใหม่อีกครั้งหลังวันที่ ๑๕ ธันวาคม ปีนี้  ข้าพเจ้าและคณะมีประเด็นหลักที่จะสอบถามท่านถึงประเด็นที่ท่านกล่าวว่า  นักธรรม เปรียญธรรม มจร  มมร เรียนเดรัจฉานวิชา ไม่เรียนพุทธวจนะ ซึ่งคำกล่าวของท่านไม่เป็นความจริง เมื่อท่านกล่าวอ้างว่า ท่านได้อ่านหนังสือเปรียญธรรม ๑-๙ หมดแล้ว ข้าพเจ้าและคณะจึงจะนำหนังสือเรียนดังกล่าว ซึ่งเป็นภาษาบาลีไปให้ท่านแปลต่อหน้า และตรวจสอบกับท่านว่า มีพุทธวจนะในหนังสือเรียนดังกล่าวหรือไม่  ในการนี้ ข้าพเจ้าขอให้ท่านได้ทำหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อเชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากแม่กองธรรม แม่กองบาลี เปรียญธรรมสมาคมในพระบรมราชูปภัมภ์  มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งดังกล่าว เข้าร่วมตรวจสอบกับท่านด้วย จะได้ไม่เป็นที่ครหาของสังคมและเหล่าศิษย์ของท่าน  และการเชิญบุคลากรผู้ทรงคุณวุฒินี้ควรจะเป็นภาระของท่าน ด้วยท่านเป็นผู้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นภาระที่ท่านต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าว และเพื่อประโยชน์และความยุติธรรมของตัวท่านเอง จะได้ไม่เป็นที่ครหาต่อไปว่า ข้าพเจ้าและคณะกลั่นแกล้งท่านด้วยรู้กันกับผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลาย หากท่านไม่ติดใจที่จะดำเนินการ ข้าพเจ้าจะขอถือว่าท่านยอมรับความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ในการเข้าพบเพื่อสอบถามความจริงครั้งนี้ทุกประการ

          สำหรับการที่ท่านกล่าวอ้างว่า พระไตรปิฎกซึ่งได้ทำการตรวจชำระโดยป็นโครงการในพระบรมราชูปถัมภ์และพระบรมราชินูปถัมภ์ นั้น แปลผิดทั้งประเทศ ข้าพเจ้าขอให้ท่านในฐานะผู้ค้นพบและเป็นภิกษุผู้เผยแผ่ธรรมดำเนินการทูลเกล้าถวายฎีกาถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เพื่อให้ทรงมีพระแสรับสั่งเป็นพระราชดำริตรวจชำระพระไตรปิฎกใหม่ อันเป็นกิจอันควรที่ท่านพึงกระทำ การที่ท่านกล่าวเช่นนั้นอยู่ในสื่อยูทูป ไม่ทำให้พระไตรปิฎกถูกชำระให้ถูกต้องแต่อย่างใด

          กรณีที่ท่านกล่าวว่า หลักสูตรบาลีทุกวันนี้เรียนผิด   ขอให้ท่านทูลเกล้าถวายฎีกาเสนอคำแนะนำต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าหลักสูตรการเรียนนี้ไม่ถูกต้องอย่างไร ที่ถูกควรจะเป็นอย่างไร เพื่อชำระหลักสูตรการเรียนให้ถูกต้อง

          จึงนมัสการเรียนมาเพื่อแจ้งให้ทราบและถวายคำแนะนำท่านให้ปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป
                                                                   นมัสการด้วยความนับถือ  

จดหมายฉบับนี้จะถูกส่งไปยังวัดนาป่าพงด้วยวิธีลงทะเบียนไปรษณีย์ตอบรับอันเป็นวิธีการเดียวกับการส่งหนังสือทางคดีความ  ดังนั้น ท่านจะอ้างว่าไม่ได้รับจดหมายไม่ได้เลย 


วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

พระคึกฤทธิ์ โสตฺผโล วาทะกรรม พระธรรมทนต่อการพิสูจน์



จากข้อความในบทสัมภาษณ์นี้ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่า “ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า”  ท่านกล่าวว่า คำสอนของพระศาสดาทนต่อการพิสูจน์  ท่านเข้าใจผิดหรือเปล่าว่า จะมีใครไปทำลาย ไม่เคารพนับถือ พระศาสดาเหมือนที่ท่านเพียรเป่าหูสาวกท่านตลอดเวลา จนหลงเชื่ออย่างจมปลักและงมงาย

สิ่งที่ประชาชนเขาจะพิสูจน์ คือ คำของท่าน ไม่ใช่ธรรมของพระศาสดา  ก็คำที่ท่านพูดกลับไปกลับมา กล่าวตู่คำพระศาสดากล่าวตู่พระบาลี ใส่ความคนอื่นโดยไม่มีมูลความจริง โดยไม่มีหลักฐาน  ท่านแสดงพุทธวจนะวันละกี่พระสูตร    ท่านเปิดตัวภายใต้แบรนด์เนม “พุทธวจน”  ท่านกล่าวคำพระศาสดากี่พระสูตร นอกจากที่ลอกงานท่านพุทธทาสมาพิมพ์แจกบ้างขายบ้าง (หลักฐานมี ไว้บทความต่อไปจะแสดงเรื่องนี้) ข้าพเจ้าดูคลิปไหน ก็เห็นแต่ ๑. ท่านด่าชาวบ้าน ติเตียนคนอื่น ไม่เว้นแม้แต่พระอรรถกถาจารย์ผู้ล่วงลับ หลวงพ่อสดผู้ล่วงลับ กรรมนี้จะทำให้ท่านแม้มรณภาพก็ยังถูกคนติฉินนินทา  ๒. โฆษณาหนังสือตัวเอง  ๓. ตอบคำถามแบบอธิบายเอาเอง หลักฐานหรือ คลิปนี้เลย  ส่วนคลิปรวมพฤติกรรมทั้งหมด ไว้บทความหน้า



ข้าพเจ้าอ่านว่า พุด ทะ วะ จน เพราะอักษรตัวท้ายไม่ใช่สระ แต่เป็นพยัญชนะแม่กน นอกจากท่านจะเอาดีไม่ได้ทางบาลีแล้ว ยังเพลียภาษาไทยอีก

ท่านจึงต้องเข้าใจใหม่ว่า  ไม่มีใครไม่เคารพพระศาสดา แต่เขาไม่เคารพท่าน ไม่นับถือท่าน  ท่านอย่าเอาพระศาสดามาเป็นโล่ห์ ด้วยการบอกว่า ใครค้านท่านคือค้านพระศาสดาเพราะท่านพูดคำพระศาสดา (ช่างตรงข้ามกับหลักฐานที่ข้าพเจ้ามีเสียเหลือเกิน)  สาวกของท่านจึงทุ่มสุดตัวเพื่อปกป้องคำพระศาสดาแบบหลงประเด็น ท่านไม่มีความเมตตาต่อสาวกของท่านเลย ท่านใช้พวกเขาเป็นโล่ห์มนุษย์ไม่ต่างจากม๊อบการเมือง เพื่อป้องกันคนโจมตีท่าน จนขณะนี้สาวกของท่านถูกข้าพเจ้าดำเนินคดีอาญาไปแล้วสองราย

ท่านสร้างความเกลียดชังให้ชาวพุทธด้วยกัน ด้วยการเป่าหู ล้างสมองสาวกท่านว่าคนเหล่าอื่นที่ค้านท่านนั้น ไม่มีความรู้พุทธวจนะ และค้านคำพระศาสดา ท่านอาศัยศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระศาสดาขโมยมาเป็นของตน  คนเราเมื่อรัก โลภ โกรธ หลง เข้าครอบงำ จะด๊อกเตอร์หรือ ป.๔ ก็โง่และหลงเชื่อคำยุยงได้เท่ากัน ไม่งั้นคงไม่มีคนมีความรู้สูง อยู่บนเวทีสารพัดสีทางการเมืองด้วยอำนาจแห่งความรัก ความโลภ ความโกรธ ความหลง

ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านและสาวกจดจำและทำความเข้าใจให้ถูกว่า  “ไม่มีใครพิสูจน์คำพระศาสดา มีแต่พิสูจน์คำท่าน”  ที่บ้านเมืองนี้ไม่มีเดียรถีย์ ทุกคนล้วนเป็นชาวพุทธด้วยกัน ล้วนเคารพรักพระศาสดาเหมือนกัน  การที่เขาจะเคารพรักครูบาอาจารย์ของเขา ก็ไม่ต่างจากที่ศิษย์ของท่านรักท่าน เคารพในตัวท่าน ท่านจึงไม่ควรอาศัยศรัทธาที่พวกเขามีต่อพระศาสดายืมมือพวกเขาไปประหารใคร

นี่อีกหนึ่งในศิษย์ที่ท่านยืมมือเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว





ควรหรือไม่  ท่านจะใช้ศรัทธาที่ชาวพุทธมีต่อพระศาสดามากร่นด่าชาวพุทธด้วยกัน

ท่านคึกฤทธิ์และชาววัดนา ผู้ทนงตนว่าชำนาญปฏิจจสมุปบาท

เมื่อข้าพเจ้าได้ดูคลิปนี้แล้ว ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจ ท่านคึกฤทธิ์ยืนยันหนักแน่นจนแผ่นดินสะเทือนหลายครั้งหลายคราวว่า สาวกของท่านท่องจำปฏิจจสมุปบาทได้คล่องปากขึ้นใจ เพราะท่านอุตส่าห์สอนไปอย่างดีว่า บทสวดมนต์อื่นไม่เอา คำแต่งใหม่ทั้งนั้น  ท่องปฏิจจสมุปบาทอย่างเดียว รู้เพียงบทเดียวก็นิพพานได้ 



ปรากฏว่า เมื่อมีคนไปถามข้อสงสัยท่านที่วัด ไปถกปัญหากับท่านตามที่ท่านเชิญชวน แม้ตัวข้าพเจ้าก็อยากไปนะ แต่ดูเหมือนท่านจะขอเลื่อนนัดข้าพเจ้าออกไปอีกค่อนข้างไกล แต่ไม่เป็นไร ชีวิตนี้คงต้องพบท่านให้ได้ นับวันข้อสงสัยข้าพเจ้ายิ่งมาก สงสัยในภูมิความรู้ท่านและสงสัยว่าท่านหลอกลวงประชาชน ขออภัย ข้าพเจ้าเป็นคนพูดตรง และไม่ใช่นักเลงคีย์บอร์ดแม้กับท่าน ข้าพเจ้าก็พูดอย่างนี้  โดยผ่านการสนทนาไลน์กับเลขาท่าน ทุกข้อติเตียน รวมถึงบทความในบล็อกนี้ก็ส่งถึงท่าน พูดซะยาว กลับมาเรื่องลุง

ลุงคนนี้คุยโม้ว่ารู้ทั่วถึงธรรมพระศาสดา อ่านพุทธวจนะมาแล้วหกรอบ พอผู้มาเยือน (อาคันตุกะ นะท่าน ไม่ใช่  อาคันตวาแบบที่ท่านแปล) ถามว่า นามรูป คืออะไร ลุงชะงักไปสองสามวินาที ก่อนจะตอบว่า ทำไมต้องตอบ และสาวกคนอื่นก็สอดเข้ามาอย่างไม่มีสาเหตุเพื่อขอเปลี่ยนเรื่องคุย (แต่ถ้าเป็นข้าพเจ้า รับรองไม่มีใครมีโอกาสได้สอด อยากรู้เจอกันได้ลอง) พอผู้มาเยือน ขึ้นนามรูปเป็นปัจจัยให้เกิด  เด็กนักเรียนบาลีพุทธวจนะตามหลักสูตรที่ท่านสอนแปลผิดๆ ถูกๆ ก็พูดขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายว่า “เวทนา”  สรุปว่า เด็กนักเรียนห้องท่านท่องสูตรคูณผิดหมด นี่หล่ะท่าน บุคคลผู้ไม่ใช่พระอริยะก็เป็นแบบนี้  พระอริยะไม่รู้ไม่พูด  มั่นใจจึงพูด  ขึ้นใจจึงกล่าว  มีหลักฐานจึงกล่าว  เรียกว่า มีสัมมาวาจา ส่วนท่านและสาวกของท่าน เป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ โดยไร้หลักฐาน

อันว่าคนพาล เมื่อหน้าแตกแล้ว อาการแถกแถก็ตามมา เมื่อผู้มาเยือนเฉลยเต็มๆ โดยเริ่มที่องค์แรกว่า “อวิชชาเป็นปัจจัย สังขารจึงมี”  ท่านคึกฤทธิ์ก็นำสาวกยกพลตีเขาด้วยคำว่า สังขารทั้งหลาย  คือ ท่านติเตียนเขาว่าเขาลืมคำว่า “ทั้งหลาย” นั่นเอง  (สังขารา เป็นพหูพจน์ แปลสำเนียงอายตนิบาตว่า ทั้งหลาย แต่เวลาท่านแปลบาลีไม่เคยออกสำเนียงอายตนิบาตเลย ท่านกลับไม่ละอายแก่ใจ ไม่ย้อนมองตน เดี๋ยวข้าพเจ้าจะจัดให้เป็นลำดับต่อไปในกระทู้หน้า)

ดูกรพราหมณ์  อีกประการหนึ่ง ผู้ใดพึงพูดกับเราด้วยคำเพ้อเจ้อเหลวไหล ข้อนั้นไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของเรา ถ้าเราพึงพูดกับเราด้วยคำเพ้อเจ้อเหลวไหล ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักที่ชอบใจของผู้อื่น...อริยสาวกพิจารณาเห็นดังนี้แล้วตนเองย่อมงดเว้นจากคำเพ้อเจ้อเหลวไหล
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๑๐ ประการ เป็นผู้ถูกทอดทิ้งไว้ในนรก เหมือนสิ่งของที่เขานำมาทอดทิ้งไว้ ธรรม ๑๐ ประการเป็นไฉน
ฯลฯ เป็นผู้พูดเพ้อเจ้อ คือกล่าวไม่ถูกกาล กล่าวไม่จริง กล่าวไม่อิงอรรถ กล่าวไม่อิงธรรม กล่าวไม่อิงวินัย กล่าววาจาที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีที่อ้างอิง ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ โดยกาลอันไม่ควร ฯลฯ
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖ อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต

ข้าพเจ้าเพิ่งทราบว่า เวลาลูกศิษย์ท่านกล่าวผิดในพระสูตรพระศาสดา ท่านกลับไม่ว่าลูกศิษย์ตน ไม่ดุ ไม่ติเตียน แต่เวลาคนอื่นพูดไม่เป๊ะ (คำของท่านเอง) ท่านกลับด่าเขาว่าแต่งใหม่ ในคลิปนี้ พยายามทำให้เขาเสียความมั่นใจ 

อันนี้ข้าพเจ้าเลยต้องขอลอกการบ้านสาวกของท่านหรือผู้ให้การสนับสนุนท่านซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร  และเป็นสาวกท่านหรือไม่ แต่เห็นออกมาเจ็บร้อนแทน จึงขอลอกมาส่งการบ้านท่าน  ดังนี้



วัดนี้แปลกนะ ประกาศตนเป็นผู้เผยแผ่พุทธวจนะ แต่กลับกล่าวปฏิจจสมุปบาทข้ามข้อ เรื่องใหญ่นะท่าน เพราะทำให้องค์ธรรมผิดไปเลยเทียว ความหมายเปลี่ยนไปเลย ไม่ใช่ผิดไปแค่ความเป็นเอกพจน์ พหูพจน์

ว่ามายืดยาว ยังไม่เข้าเรื่องเจ๋งๆ ของลุง  งั้นเอาไว้บทความหน้าแล้วกัน เรื่องของลุงท่านนี้อีกยาว โดยเฉพาะ “ลุงรู้ในเรื่องที่คนอื่นรู้ แต่ลุงไม่รู้ว่าคนอื่นรู้และลุงไม่รู้ว่าลุงไม่รู้อะไร”

ไว้ต่อกระทู้หน้า


ควรหรือไม่ ที่จะโม้เสียมากมาย แต่ทำไม่ได้ พอหน้าแตกแล้วแถกแถแบบนี้ 


แนะนำพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล ทูลเกล้าถวายฎีกา กรณีพระไตรปิฎกแปลผิดทั้งประเทศ



http://youtu.be/uSdbO3h2ysw

เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังคลิปนี้ และหลายๆ คลิปที่ผ่านมา ข้าพเจ้าเห็นสิ่งที่ท่านมักจะพูดอยู่ ๒ ประการ คือ ๑. พระไตรปิฎกทุกสำนักแปลผิด  ๒. พระไตรปิฎกทุกสำนักแปลตรงกันว่า ๑๕๐ ถ้วน ซึ่งถูกต้อง  ท่านจะพูดถึงพระไตรปิฎกแปลผิดเมื่อท่านอยากจะแสดงความรู้ หลอกลวงคนฟังให้เชื่อท่าน ท่านจะชี้เป็นจุดๆ เลยทีเดียว แต่ตัวท่านเอง ยังแปลภาษาบาลีเข้ารกเข้าพงหลายครั้ง เป็นที่น่าขบขันของเหล่าผู้ศึกษาพุทธวจนะภาษาบาลี ขนาดว่า ข้าพเจ้ามีความรู้บาลีน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับท่านผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านั้น ข้าพเจ้ายังสามารถทราบถึงความ “มั่ว” ของท่านได้เลย ดังที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ในบทความก่อนพร้อมหลักฐาน และหลักการ  ในขณะเดียวกัน ท่านจะพูดว่าพระไตรปิฎกแปลถูกเมื่อท่านจะใช้เป็นกำแพงพิงหลังในคำว่า “ถ้วน” ของปาฏิโมกข์ ๑๕๐

ในบทความนี้ ข้าพเจ้าเห็นท่านใช้คำพูดกลับไปกลับมาหลายประการ ซึ่งข้าพเจ้าจะค่อยๆ นำเสนอในบทความต่อไป แต่สำหรับบทความนี้ ขอให้เป็นเรื่องภาษาบาลี



จากคลิปนี้  แสดงให้เห็นว่า ท่านเป็นผู้พูดกลับไปกลับมา  ตอนตอบคำถามเรื่องปาฏิโมกข์ ๑๕๐ ท่านยืนยันหนักแน่นจนแผ่นดินสะเทือนว่า  ทุกสำนักทั้งบาลีสยามรัฐ มจร มมร แปลตรงกันว่า “ถ้วน” เจ้าคุณประยุตที่ท่านเรียกว่า “ภิกษุวัดญาณเวศกวัน” พูดจากลับไปกลับมา แต่พอข้าพเจ้าย้อนกลับไปดูคลิปที่ท่านอธิบายศัพท์ว่า สกิเทว แปลว่า เทวดาคราวเดียว   อาคนฺตฺวา  แปลว่า  ผู้มาเยือนแล้ว  ท่านยืนยันว่า พระไตรปิฎกทั้งประเทศแปลผิด  ข้าพเจ้าจึงต้องขอลอกการบ้านท่านอีกแล้ว “ไปดูไทม์ไลน์ท่านคึกฤทธิ์ได้ วันนึงก็พูดอย่างนี้  อีกวันก็พูดอีกอย่าง กลับไป กลับมา กลับไป กลับมา”  อะไรที่ท่านว่าคนอื่น ย้อนกลับมาใส่ตัวท่านหมดเลย  ท่านทราบหรือไม่ว่า ขณะนี้ทุกสำนักเขายอมรับกันหมดว่า แปลผิด  ท่านจะว่าเจ้าคุณประยุตพูดคนเดียวว่าทุกสำนักแปลผิดได้อย่างไร



คลิปนี้ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ท่านและสาวกของท่าน แปลผิดทั้งคู่ หรือท่านจะแถเป็นอย่างอื่น ก็ต้องชี้มาว่า ใครแปลผิด  เดี๋ยวข้าพเจ้าเข้าไปวัดนาป่าพงตามที่ท่านรับนัด ข้าพเจ้าจะเอาคลิปนี้ไปถามท่าน  เห็นว่าเดือน พ.ย. นี้ ท่านไปต่างประเทศบ่อย ขอให้เดินทางปลอดภัย รอข้าพเจ้าไปสะสางข้อสงสัยกับท่านให้เสร็จกิจเสียก่อน ตอนนี้ข้าพเจ้าขอแสดงความเป็นห่วง

ลูกศิษย์ท่านแปล “อาคนฺตฺวา” ว่า เสด็จไปแล้ว  ส่วนท่าน แปลว่า ผู้มาเยือน

ลูกศิษย์ท่านแปลผิดดังนี้
เรียกชื่อธาตุยังผิด คมฺธาตุ (คะ มะ ธาตุ) ดันเรียก คจฺฉธาตุ (คัจ ฉะ ธาตุ)
"อาคนฺตวา" มาจาก คมฺ ธาตุ (ไป) + ตฺวา ปัจจัย (แล้ว) คนฺตวา แปลว่า ไปแล้ว เมื่อเห็น อา อยู่ข้างหน้า ต้องแปลกลับความ จากไปเป็นมา จึงแปลว่า มาแล้ว เมื่อประธานในประโยคเป็น สตฺถา อ.พระศาสดา ต้องแปลคำว่า "เสด็จ" เข้าไปด้วย จึงแปลว่า เสด็จมาแล้ว ความรู้เท่าตีนมดแดงอย่างข้าพเจ้า ยังมีทักษะในการแปลคำง่ายๆ แบบนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

ตกลงคำนี้ใครแปลผิด  หรือท่านจะแถว่า ถูกทั้งคู่ บาลีคำเดียวแปลได้เป็นร้อย ถูกอยู่ แต่ไม่ใช่การแปลที่ขัดแย้งกันอย่างนี้ 

พาล แปลได้ทั้ง พาล (ทับศัพท์)  โง่  ชั่ว  เลว  แต่จะไปแปลว่า  บัณฑิต  ฉลาด ดี ประเสริฐ  ไม่ได้  เหมือนท่านแปลคำว่า Go ว่า มา ไม่ได้ฉันใด แม้บาลีก็ฉันนั้นเช่นกัน

การแปลผิดๆ เพี้ยนๆ แล้วใส่ความคณะแปลพระไตรปิฎกแบบนี้ คือการยกตนข่มคนอื่น ทำให้ตนเองดูดี ดูเก่งขึ้น ซึ่งสาวกของท่านก็เชื่อสนิทและยังแถแทนท่านให้เป็นที่น่าขบขันในโลกอินเตอร์เน็ต

สาวกของท่านมักพูดเสมอว่า  “มีอะไรก็ไปหาพระอาจารย์ที่วัดสิ ไปถามท่านสิ มาเห่าอยู่หน้าจอไม่ช่วยอะไร”  วันนี้ ข้าพเจ้าต้องขอลอกการบ้านลูกศิษย์ท่านอีกแล้ว “พระไตรปิฎกแปลผิดตรงไหน  ก็ทูลเกล้าถวายฎีกาถึงพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ด้วยพระองค์ทรงสนับสนุนการศึกษาบาลี และเป็นองค์อุปถัมภ์ในการชำระพระไตรปิฎกเสียสิ มาเห่าอยู่ในวัด หน้ายูทูป ก็ไม่ได้ช่วยอะไร” 


ถ้าท่านเห็นว่า พระไตรปิฎกผิดจริง หน้าที่ของพระธรรมกถึกอย่างท่าน ผู้กล่าวอ้างว่าเผยแผ่พุทธวจนะ  ควรหรือจะอยู่เฉย  ทำตนให้เป็นประโยชน์โดยใช้พุทธวจนสถาบันและตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนาป่าพง แก้ไขไปที่ต้นตอจะดีกว่าหรือไม่  สำหรับ มจร มมร มองข้ามไป ท่านไม่ต้องร้องเรียนไปดอกประเดี๋ยวเขาจะออกตัวปกป้องตัวเอง ท่านทูลเกล้าถวายฎีกาเพื่อให้ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งแก้ไข ชำระใหม่เลยเถอะนะ ไหนๆ สาวกของท่านก็สนิทในสำนักพระราชวังจนสามารถนำท่านสู่พระบรมราชูปถัมภ์ได้มิใช่หรือ  จะช้าอยู่ไยเล่า ?

ควรหรือไม่ที่ท่านจะนั่งอยู่แต่ในวัด ประจานในยูทูป โดยที่ไม่แก้ปัญหาอะไรได้เลย นอกจาก ท่านใส่ความคนอื่น เพื่อให้ตนดูดี

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หล่อพระ เป็นเดรัจฉานวิชา คึกฤทธิ์กถา สาวกภาษิตแห่งวัดนาป่าพง ศึกษากรณีการหล่อพระพุทธรูปในพระบรมราชินูปถัมภ์


อาตมาไม่มีคำสอนของตนเอง มีแต่คำตถาคตเท่านั้น

เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังและชมคลิปนี้  ข้าพเจ้ารู้สึกสงสัย

จนต้องเปิดพระไตรปิฎกทั้งไทย บาลี และตรวจสอบไปที่เว็บของวัดท่าน  แล้วตั้งใจอ่านเรื่อง “เดรัจฉานวิชา” จนข้าพเจ้าต้องขอลอกการบ้านท่าน โดยเว้นการลอกการเรียกพระสารีบุตรว่า สารีบุตร เฉยๆ ของท่าน ถามท่านว่า  “ใครบัญญัติ  ใครอนุญาตให้ท่านคึกฤทธิ์บัญญัติ  ขนาดพระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวาผู้เลิศด้วยปัญญายังตระหนักว่าตนเป็นเพียงผู้เดินตามเท่านั้น แล้วท่านใช้บาตรและจีวรของพระศาสดาหรือเปล่าจึงกล้าบัญญัติสิ่งที่พระศาสดาไม่บัญญัติ” 
ข้อมูลเดรัจฉานวิชา จากเว็บของท่านเอง
ข้าพเจ้าไม่พบว่า ในมหาศีล มีเรื่องการหล่อพระพุทธรูป หล่อรูปปั้น ใดๆ เป็นเดรัจฉานวิชาเลย ข้าพเจ้าจึงสรุปได้ว่า ท่านกล่าวตู่คำพระศาสดา (อีกแล้ว)




ท่านอธิบายว่า การทำรูปปั้นต่างๆ เป็นเดรัจฉานวิชานั้น อยู่ในพระสูตรไหน พระวินัยข้อไหน เรื่องใด ข้าพเจ้ากำลังสงสัยท่านในข้อหา "กระทำสาวกภาษิตนอกแนว" อยู่ ด้วยการบัญญัติสิ่งที่พระศาสดาไม่ได้บัญญัติ  โดยการนั่งอธิบาย การอธิบายของท่านใช่นัยเดียวกันกับคำอรรถกถาที่ว่า "อธิบายว่า" หรือไม่  หรือว่า  เพราะท่านไม่ได้พูดว่า อธิบายว่า  จึงทำให้คำอธิบายของท่านกลายเป็นพุทธวจนะไป สาวกของท่านจึงพากันนั่งหลับตา เงี่ยโสตฟัง อย่างตั้งอกตั้งใจอย่างนั้น เช่นนี้แล้ว ถ้าอรรถกถานำเอาคำว่า "อธิบายว่า" ออก จะทำให้คำอรรถกถาเป็นคำพระศาสดาหรือไม่ 

อันที่จริงข้าพเจ้าไม่อยากถามท่านด้วยตรรกะใดๆ เพราะแค่สัจจะแห่งอักขระก็พอจะกล่าวหาได้แล้วว่าท่าน "กล่าวตู่พระศาสดา หลอกลวงประชาชนจนประชาชนเข้าใจว่า ท่านเป็นผู้ค้นพบพุทธวนะ  ในขณะที่พระเจ้าอยู่หัวค้นพบพุทธวจนะมาก่อนท่าน จนพระองค์นำมาแต่งเป็นพระบรมราโชวาทให้แก่ประชาชน (คำสอนของพ่อ)  และขณะนี้ท่านกำลังจะหลอกลวงราชสำนักและพระเจ้าแผ่นดินอีก" 

เวลาคนอื่นอธิบายธรรมของตนเอง ท่านกลับไปว่าเขา ไปถามหาความรับผิดชอบจากเขา แต่เวลาท่านอธิบายเอง ท่านกลับบอกว่า ทิ้งคำอธิบายของอาตมาไป  โดยไร้สำนึก ยางอาย และความรับผิดชอบ






























โครงการหล่อพระพุทธเมตตาในพระบรมราชินูปถัมภ์นี้เป็นเดรัจฉานวิชาหรือไม่ สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงรับโครงการนี้ไว้ในพระบรมราชินูปถัมภ์  พระองค์ทรงมีมิจฉาทิฐิดังที่ท่านตอบโยมในคลิปนี้นาทีที่ ๒.๒๐ หรือไม่  ไหนๆ ท่านก็จะนำโครงการพุทธวจนของท่านเข้าสู่พระบรมราชูปถัมภ์แล้ว ท่านราชเลขาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ช่วยเหลือผลักดันให้ท่านแล้ว ท่านก็ควรจะทูลเกล้าถวายคำแนะนำพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ให้เลิกพระราชพิธีต่างๆ เสียเลย มีหลายพระราชพิธี ซึ่งข้าพเจ้าจะค่อยๆ บอกให้ท่านฟัง

http://youtu.be/hABtR2QRyeY

รายการนี้ ถ้าคุณถวัลย์ เมืองช้างได้เห็นคลิปที่ท่านพูดว่าการหล่อพระเป็นเดรัจฉานวิชา คุณถวัลย์ จะว่าอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่อาจจะทราบได้  แต่ที่แน่ๆ ท่านกล่าวตู่คำพระศาสดา  ท่านหลอกลวงประชาชนชาวพุทธว่าท่านกล่าวแต่คำพระศาสดาไม่มีคำอาตมา ซึ่งไม่เป็นความจริง  ถ้าท่านเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ข้าพเจ้าคงร้องเรียนท่านไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค  ด้วยข้อหา  “โฆษณาที่ไม่เป็นธรรม และเกินความจริง”  อันมีลักษณะหลอกลวงผู้บริโภคแล้ว 

ไม่ทราบว่า ผู้ซึ่งผลักดันโครงการนี้ของท่าน มีความละอายใจหรือเกรงว่าจะทำความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทให้พระเจ้าอยู่หัวหรือไม่  ท่านจักไม่สนเทียวรึว่า  คนจะนินทาว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงรับโครงการของภิกษุผู้กล่าวตู่พระศาสดาและขาดความรู้ทางบาลีรวมถึงบริภาษเพื่อนสหพรรมจารีไม่เว้นแต่ละวันเข้าโครงการพระราชดำริได้อย่างไร  ท่านผู้ผลักดันไม่เกรงหรือว่า คนนอกศาสนาจะนินทาเพ่งโทษว่า นี่หรือคือภิกษุแห่งสมณะโคดม  ปลอมปนคำพระศาสดาของตนอย่างไรยางอาย นี่ถ้าเป็นศาสนาเรา จักต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรงไปนานแล้ว

ควรหรือไม่  ที่ท่านจะกล่าวว่า อาตมาไม่มีคำของตนโดยโกหกประชาชนเยี่ยงนี้ 

ผู้มาเยือน ในแบบบาลีหลักสูตรพระคึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล แห่งพุทธวจนสถาบัน ว่าที่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ข้



http://www.youtube.com/watch?v=5of8LSqtEuI&feature


เมื่อข้าพเจ้าได้ฟังและชมคลิปนี้แล้ว ข้าพเจ้าอดไม่ได้ที่จะต้องเขียนเล่าบอกพร้อมทั้งนำหลักฐานแสดงการแปลผิดของพระคึกฤทธิ์ จากพุทธวจนะมาแสดง

อาคนฺตฺวา  พระคึกฤทธิ์แปลว่า  ผู้มาเยือน (อาคันตุกะ, แขก, ผู้มาเยือน)  ซึ่ง  ผิดมหันต์  ความจริง แปลว่า มาแล้ว

เพราะคำว่าผู้มาเยือน พระบาลีและพระพุทธวจนะของพระศาสดาใช้คำว่า  “อาคนฺตุก”  (อาคันตุกะ)

คำแปลจากพจนานุกรม พันตรี ป. หลงสมบุญ ที่ท่านกล่าวหาว่าแปลผิด ตกลงท่านแปลผิดหรือพันตรี ป. หลงสมบุญ แปลผิด  ท่านจะรู้จักอายไหมหนอ



ดังพระบาลีซึ่งเป็นพระพุทธวจนะหลายแห่ง นำคำนี้ไปที่โปรแกรมท่านคึกฤทธิ์ค้นหาจากภาษาบาลีก็จะเจอ  อาคนฺตุก   ถ้าแขกหลายคนจะมีรูปศัพท์เป็น อาคนฺตุกา แปลว่า ผู้มาเยือนทั้งหลาย หรือจะแปลทับศัพท์ว่า อาคันตุกะทั้งหลาย ก็ได้

 [๑๖๕] เตน โข ปน สมเยน อาคนฺตุกา ภิกฺขู สงฺฆสฺส อมฺพํ ภาชาเปตฺวา ปริภุญฺชึสุ ฯ อาวาสิกา ภิกฺขู เต ภิกฺขู โจเทสุํ อสฺสมณาตฺถ ตุเมฺหติ ฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ ฯ
ภควโต เอตมตฺถํอาโรเจสุํ ฯ  กึจิตฺตา ตุเมฺห ภิกฺขเวติ ฯ ปริโภคตฺถาย มยํ ภควาติ ฯ อนาปตฺติ ภิกฺขเว ปริโภคตฺถายาติ ฯ เตน โข ปน สมเยน อาคนฺตุกา ภิกฺขู สงฺฆสฺส ชมฺพพ ฯเปฯ สงฺฆสฺส ลพุชํ ฯเปฯ สงฺฆสฺส ปนสํ ฯเปฯ สงฺฆสฺส ตาลปกฺกํ ฯเปฯ สงฺฆสฺส
อุจฺฉุํ ฯเปฯ สงฺฆสฺส ติมฺพรูสกํ ภาชาเปตฺวา ปริภุญฺชึสุ ฯ อาวาสิกา ภิกฺขู เต ภิกฺขู โจเทสุํ อสฺสมณาตฺถ ตุเมฺหติ ฯ เตสํ กุกฺกุจฺจํ อโหสิ ฯเปฯ อนาปตฺติ ภิกฺขเว ปริโภคตฺถายาติ ฯ

[๑๖๕] ก็โดยสมัยนั้นแล พระอาคันตุกะทั้งหลายยังกันและกัน ให้แจกมะม่วงของสงฆ์แล้วฉัน ภิกษุเจ้าถิ่นทั้งหลายโจทพวกพระอาคันตุกะว่า พวกท่านไม่เป็นสมณะ พวกพระอาคันตุกะมีความรังเกียจ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอคิดอย่างไร
ภิ. พวกข้าพระพุทธเจ้า คิดเพื่อต้องการฉัน พระพุทธเจ้าข้า
ภ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย คิดเพื่อต้องการฉัน ไม่ต้องอาบัติ

พระไตรปิฎก ภาษาบาลี (ฉบับสยามรัฐ) เล่มที่ ๑
วินยปิฏเก เล่มที่ ๑ มหาวิภงฺโค ภาค ๑


พระไตรปิฎก ภาษาไทย (ฉบับหลวง) เล่มที่ ๑
พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑




หวังว่าท่านคงไม่คิดว่า ข้าพเจ้าไม่แสดงพุทธวจนะดอกนะ เพราะมีคำว่า ภิกษุทั้งหลาย ตามเงื่อนไขของท่านทุกประการ  ภิกฺขเว  แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย


ถ้าท่านบอกว่า  พันตรี ป. หลงสมบุญ  แปลผิด  เพราะแปลจากวิสุทธิมรรค  แล้วท่านจะแปลคำว่า อาคนฺตุก, อาคนฺตุกา  ในพุทธวจนะนี่ว่าอย่างไร  หรือท่านจะแถไปว่า ทั้งอาคนฺตวา และ อาคนฺตุก  ต่างแปลว่า  ผู้มาเยือนได้เหมือนกัน  แล้วคำว่า  มาแล้ว ภาษาบาลีว่าอย่างไร  ถ้าไม่ใช่ อาคนฺตฺวา 

ข้าพเจ้ารู้สึกอายแทน และรู้สึกเกรงพระทัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่จะต้องทรงพิจารณารับพุทธวจนของท่านเข้าสู่พระบรมราชูปถัมภ์   สาวกทั้งหลายที่พากันผลักดัน จะรู้สึกอย่างข้าพเจ้าไหมหนอ

ควรหรือไม่  จะกล่าวหาว่าผู้อื่นแปลผิด ทั้งๆ ที่ตนขาดความรู้จริง

พุทธวจนสถาบัน ในพระบรมราชูปถัมภ์ ความฝันของวัดนาป่าพง
http://watnaprapong.blogspot.com/2014/10/blog-post_27.html?spref=fb