หลังจากที่ท่านคึกฤทธิ์ถูกแฉเรื่องการมุสาประชาชนคำโตกรณี “เสาอโศก” ท่านคึกฤทธิ์คงจะหาคำว่า
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย” บนเสาอโศกไม่ได้ ท่านคึกฤทธิ์จึงได้ตัดสินใจสั่งปิดเซฟเวอร์วัดนาป่าพง
โดยอ้างต่อประชาชนว่า ระบบขัดข้อง แล้วทำการ “ทุบ”
เสาอโศกทิ้งเสีย จึงปรากฏเป็นภาพทางแห่งพุทธวจนะ ที่ไม่มีเสาอโศกเข้ามาเกี่ยวข้อง
การกระทำของท่านคึกฤทธิ์
เหมือนเด็กที่เพิ่งรู้ว่าตนเองถ่ายไว้เรี่ยราด พอถูกผู้ใหญ่ตีและบังคับให้ไปถ่ายในส้วม ก็ทำตาม
แต่...เด็กคนนั้น
ก็ไม่ได้เก็บสิ่งปฏิกูลที่ตนเองถ่ายไว้
ปล่อยให้ผู้ใหญ่ทำหน้าที่เก็บล้างต่อไป
โดยไม่ไยดีว่า
สิ่งปฏิกูลที่ตนถ่ายไว้นั้น จะสร้างกลิ่นและความน่าขยะแขยงให้กับผู้มาพบเห็นเพียงใด ด้วยใจที่คิดว่า “อยากให้สะอาดก็เก็บกันเร็วๆ ฉันจะไปเล่นของฉันต่อไป”
ท่านคึกฤทธิ์จึงกลับลำโดยไม่เอ่ยคำชี้แจงขอโทษประชาชน ท่านทำแบบนี้เป็นปกติอย่างขาดความละอายใจ
ครั้งหนึ่งท่านใส่รองเท้าบิณฑบาตจนประชาชนชาวเน็ตติเตียนเพ่งโทษถึงความไม่เหมาะสม ท่านและสาวกของท่านก็แถไปพักหนึ่ง
จนทนต่อแรงเสียดทานไม่ได้ จึงถอดรองเท้าบิณฑบาต
โดยไม่คิดจะชี้แจงหรือขออภัยอะไรเลย
ทำเนียน ตีหน้าตายอย่างไร้ยางอายที่สุด
ถ้าการกระทำเช่นนี้เป็นการกระทำของเด็กคนหนึ่งคงจะไม่มีใครว่า
แต่การกระทำเช่นนี้เกิดกับผู้มีศีล
เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนานี้ มีสาวกเรียกว่า “พระอาจารย์” และท่านก็ตั้งตนเป็น
“พระอาจารย์”
การกลับลำโดยไม่ขออภัย
ก็คือการกลับไปกลับมา ประชาชนเขาชินแล้ว
รู้ทันอนุสัยของท่านแล้วอย่างสิ้นเชิง
บทความนี้
เขียนขึ้นมาเพื่อเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของท่าน โดยที่ไม่ได้คาดหวังคำขออภัยหรือชี้แจงใดๆ
จากปากของท่านเลย
ท่านคึกฤทธิ์ ท่านจะอยู่บนความระแวงตลอดไปว่า
วันใด วันหนึ่งที่ท่านไปแสดงธรรม จะมีคนถามท่านว่า เสาอโศกตกลงบันทึกอะไร ? แล้วท่านจะทำหน้าตายตอบเขาอย่างไร ?
ข้าพเจ้าพอนึกออกเพราะเคยเห็นในคลิปของท่านบ่อยๆ ตีหน้ามึน กลืนน้ำลาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น