ข้าพเจ้าได้เคยอ่านบทความหนึ่งในอินเตอร์เน็ต
เกี่ยวกับการเผาทิ้งหนังสือของวัดนาป่าพง คือ หนังสือ พุทธวจน (พุด ทะ วะ จน)
ทั้งชุด ข้าพเจ้านึกถึงประเทศพม่า
ที่ประเทศพม่านั้น จะมีการเรียนภาษาบาลีแบบชุดใหญ่ เรียกว่า “บาลีใหญ่”
พระเณรของประเทศพม่าต้องศึกษาพระไตรปิฎกจากภาษาบาลีด้วยวิชาบาลีใหญ่
เพราะตระหนักว่า ตนมิได้เกิดและเติบโตในยุคพุทธกาล ไม่ได้ใช้ภาษาบาลีเป็นภาษาแม่ ดังนั้น
ผู้ทรงไตรปิฎกจึงต้องยกให้แก่ประเทศพม่า เรียกว่า พระไตรปิฎกธร
สำหรับพระไตรปิฎกธรที่มีชื่อเสียง
คือ พระอาจารย์ภัททันตะ
วิจิตตะ สาราภิวังสะปฐมตริปิฏกะธร ตรีปิฎกโกวิทะ ตรีปิฎกะธรรมภัณฑาคาริกะ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ปฐมเมิงกุน สยาดอ เมืองสะกาย ท่านสามารถจำได้ทุกหน้าทุกบรรทัดราวกับเปิดข้อมูลจากคอมพิวเตอร์
ถึงขนาดที่ว่าหนังสือกินเนสส์บุ๊ก พ.ศ.
๒๕๒๘ ซึ่งตีพิมพ์ในสหราชอาณาจักรอังกฤษ ได้บันทึกความทรงจำที่น่ามหัศจรรย์
ของท่านไวว่า “พระอาจารย์ใหญ่เมงกุนสียาดอ ประเทศพม่า
มีความทรงจำท่องพระไตรปิฎก ๑๖,๐๐๐ หน้า (๒๔๐,๐๐๐ ตัวอักษร)ได้ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๗(ค.ศ.๑๙๕๔)
ซึ่งเป็นตัวอย่างของความทรงจำของมนุษย์ที่หาได้ยากมาก”
โปรแกรม E
Tipitaka ของท่านคึกฤทธิ์ยังสู้ท่านไม่ได้
แล้วตัวท่านคึกฤทธิ์จะเอาอะไรมาเทียบเสมอชั้นท่านได้
พระพุทธเจ้ารับสั่งให้พระสาวกประกาศพรหมจรรย์
คือ ศาสนา ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ทั้งอรรถและพยัญชนะ เอาแค่พยัญชนะพระคึกฤทธิ์ยังแปล “สกิเทว” ว่า
เทวดาคราวเดียว แปล อาคนฺตฺวา ว่า ผู้มาเยือน
จะหวังพึ่งว่าอรรถะจะงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด
ดังที่ท่านคุยโม้ว่าตนเป็นผู้ประกาศพุทธวจนะของพระศาสดา ข้าพเจ้าคิดว่า “ไม่ใช่ฐานะ”
ท่านคึกฤทธิ์เที่ยวกล่าวติฉินนินทาการปฏิบัติโดยภาวนาต่างๆ
ท่านจะไปเข้าใจอะไรในอรรถะของพระศาสดาเล่า ในเมื่อพยัญชนะท่านยังไปได้แค่ท้ายสวน
ในประเทศพม่า
ผู้ที่จะกล่าวว่าตนเป็นผู้ประกาศพระสัทธรรมจะต้องศึกษาพระสัทธรรมโดยตรงจากภาษามคธ
(บาลี) จนเข้าใจทั้งปริยัติและปฏิบัติจนเข้าใจจึงจะประกาศว่าตนเป็นผู้สอนธรรมได้
อย่างพระคึกฤทธิ์จึงเป็นได้แค่ผู้ศึกษาที่แบ่งปันบอกต่อเท่านั้น
(แถมแบ่งปันยังผิดๆ อีก) ไม่อาจยกตนขึ้นประกาศว่าเป็นผู้เปิดธรรมที่ถูกปิดได้ดอก ข้าพเจ้าเกรงว่าท่านจะเป็นผู้ปิดธรรมที่พระศาสดาทรงเปิดไว้แล้วเสียมากกว่า
ดังนั้น ถ้าหนังสือสอนธรรมในประเทศพม่า ถูกพบว่าสอนผิดๆ
คนพม่าจะเผาหนังสือนั้นทิ้งทันที ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นหนอนบ่อนไส้พระศาสนา
ระคายเคืองเบื้องพระบาทพระศาสดาและนำมาซึ่งความหลงผิดของประชาชน การเผาพุทธวจน (พุด ทะ วะ จน) ที่ท่านเขียนขึ้นมา จึงเป็นเรื่องน่าอนุโมทนา ต้นไม้มีพิษย่อมผลิตลูกไม้ที่มีพิษ คำสอนที่ผิดไม่อาจจับใส่พระโอษฐ์พระศาสดาได้
เผาทิ้งอย่าให้เหลือซากเป็นรอยด่างแก่พระพุทธศาสนา ข้อนั้นจึงควร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น