ความซับซ้อนของเสาอโศกจากปากพระคึกฤทธิ์เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
สืบเนื่องจากสาวกสำนักวัดนาป่าพงแสดงความคิดเห็น
หรือแสดงภูมิความรู้เกี่ยวกับเสาอโศกไว้ตามอินเตอร์เน็ตต่างๆ โดยย้ำว่า
หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของพุทธวจนะมาจากเสาอโศก ความเข้าใจแบบนี้เกิดจากการที่พระคึกฤทธิ์เอง ไปบรรยายที่ไหนก็ตาม ก็จะพูดเรื่องเสาอโศกไว้แบบนี้ แม้แต่การบรรยายออกทีวีหลายช่องก็บรรยายแบบนี้
ทำให้สาวกรวมไปถึงประชาชนเข้าใจตามที่ท่านคึกฤทธิ์พูด
จนถึงวันหนึ่ง สังคมไทยพากันตั้งคำถามพระคึกฤทธิ์ว่า เสาอโศกต้นไหนบันทึกพุทธวจนะ มีคำว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย หรือ
ดูกรแล้วตามด้วยชื่อผู้ฟัง” ตามทฤษฎีที่พระคึกฤทธิ์ตั้งเอง เออเองว่า
ต้องมีคำว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หรือ ดูกรแล้วตามด้วยชื่อเท่านั้นจึงจะนับเป็นพุทธวจนะ
และปฏิเสธอุทานคาถาที่ไม่ได้ขึ้นต้นด้วยดูกร....ตามทฤษฎีของท่านเอง ไม่ใช่ตามทฤษฎีที่ประชาคมชาวพุทธเถรวาททั่วโลกยอมรับ
ท่านคึกฤทธิ์ ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เพราะในความจริงแล้ว
เสาอโศกไม่มีการบันทึกพุทธวจนะแต่อย่างใด
ในครั้งแรก
ทุกคนในสังคมก็เชื่อว่า ท่านคึกฤทธิ์
พูดไปเพราะขาดความรู้จริง คงจะคิดเองเออเองอีก
แล้วพูดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับหนังสือและผลงานการเผยแพร่ลัทธิของตนเอง
จนเมื่อวันนี้ สาวกท่านคึกฤทธิ์ เริ่มนำคลิปเก่า เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๕ มาแสดงว่า
พระคึกฤทธิ์พูดไว้ชัดว่า “เสาอโศกไม่ได้มีพุทธวจนะ
พุทธวจนะนั้นมาจากความทรงจำของสาวกสืบต่อกันมา” แต่เมื่อมาดูในคลิปต่างๆ
ที่พระคึกฤทธิ์พูดไว้เรื่องเสาอโศกแล้ว จะเห็นได้ว่า หลังปี ๒๕๕๕
พระคึกฤทธิ์กล่าวย้ำตลอดเวลาว่า
เสาอโศกคือหลักฐานที่เก่าที่สุดที่บันทึกพุทธวจนะ เช่น ในรายการ ทไวไลท์โชว์ วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๗ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในคลิป “พุทธวจนสนทนา ช่วงหลังฉัน วันอาทิตย์ที่
๒๖พฤษภาคม ๒๕๕๖” พระคึกฤทธิ์
กลับยืนยันว่า “ในพระสูตรนี้
เราก็แกะให้ตรงกันด้วย เราแกะอักษรพราหมีให้ตรงกับพระสูตรในภาษาไทยด้วย
ถ้าใครอ่านอักษรพราหมีเป็น ก็จะเข้าใจตรงพระสูตรนี้ด้วย”
นาทีที่ ๑.๐๒.๒๘ เคยพูดไว้ว่า เสาอโศกไม่ได้บันทึกพุทธวจนะ พุทธวจนะสืบทอดมาจากความทรงจำของสาวก
นาทีที่ ๑.๐๒.๒๘ เคยพูดไว้ว่า เสาอโศกไม่ได้บันทึกพุทธวจนะ พุทธวจนะสืบทอดมาจากความทรงจำของสาวก
อะไรเกิดขึ้นในความคิดของพระคึกฤทธิ์หลังปี
๒๕๕๕ ซึ่งความรู้ที่พระคึกฤทธิ์พูดออกมานั้นเป็นความรู้ที่ถูกต้องแล้ว และอะไรทำให้ความคิดของท่านเปลี่ยนไป การได้ข้อมูลใหม่หรือเจตนาซ่อนเร้นบิดเบือนความจริงทั้งๆ
ที่รู้ความจริงกันแน่
ข้าพเจ้าเคยตั้งข้อสังเกตไว้แล้วเมื่อนำความจริงเรื่องนี้ออกมาตีแผ่ว่า
ข้าพเจ้าไม่คิดว่า คนที่มีความรู้
มีการศึกษาอย่างพระคึกฤทธิ์
จะไม่รู้ข้อมูลที่ถูกต้อง
การแสดงสิ่งที่ผิดในภายหลังจึงเป็นการโกหกคำโตต่อสังคม ซึ่งถือเป็นการบิดเบือนข้อมูลสู่สังคม ในวันนี้
สมมุติฐานของข้าพเจ้าได้ถูกพิสูจน์แล้วว่า
พระคึกฤทธิ์รู้ว่าความจริงคืออะไร
และบิดเบือนความจริงในภายหลัง
แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ายังไม่รู้คือ ท่านทำเพื่ออะไร และนี่คือคำถามที่สังคมจะมีต่อท่าน ให้ท่านต้องตอบคำถามสังคมเป็นคำถามต่อไป
สำหรับข้าพเจ้า
รู้สึกขอบคุณท่านคึกฤทธิ์และเหล่าสาวกที่ช่วยนำคลิปเมื่อปี ๒๕๕๕ มาแสดง
ทำให้ข้าพเจ้าไม่ต้องด้วยข้อกล่าวหาว่า “ใส่ความ” ว่าท่านคึกฤทธิ์บิดเบือนข้อมูล เพราะหลักฐานที่ท่านนำมาแสดงในวันนี้
ชัดเจนแล้วว่า ท่านมีความรู้จริง
หากแต่ปกปิดความจริงไว้ แล้วนำความเท็จมาบิดเบือน พยานหลักฐานชุดนี้ จะนำไปสู่การสืบสวน
สอบสวนต่อไปในภายภาคหน้าเพื่อหาเจตนาของท่านต่อไป
ที่แน่ๆ ไม่ใช่การบกพร่องโดยสุจริตอย่างแน่นอน
ที่แน่ๆ ไม่ใช่การบกพร่องโดยสุจริตอย่างแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น