วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ปัญหา ๕ มาสก เป็นเท่าไหร่ตามพุทธวจนะ

สถานการณ์  ณ  วันที่  ๒๐  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๘  กำลังรอมติ มส. พิจารณากรณีพระธัมมชโยถือเอาทรัพย์ที่เขาไม่ได้ให้ตั้งแต่ ๕ มาสก ขึ้นไป  ทำให้ข้าพเจ้านึกขึ้นได้ว่า  ๕ มาสกนี่ถ้าถามชาวพุทธวจน วัดนาป่าพง เขาจะตอบว่าอย่างไรหนอ  เพราะเขาพูดไว้หนักแน่นว่า   เขาถือเอาเฉพาะพุทธวจนะที่มีคำขึ้นต้นว่า “ดูกร..” เท่านั้น 

ในเรื่องค่าเงินหน่วยนับเป็นมาสกนี้  เป็นหน่วยนับเงินของอินเดียในสมัยพุทธกาล  ซึ่งในพุทธกาลยังไม่มีเงินบาทให้เทียบกันเลยด้วยซ้ำ  ดังนั้น  จึงไม่มีดอกว่าพระผู้มีพระภาคจะอธิบายไว้ว่า  “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ตถาคตบัญญัติ ๕ มาสก เท่ากับ.....บาทไทย”  แล้วเขาจะเอาอะไรมาตอบ 



การวินิจฉัยเทียบราคาทรัพย์ ๕ มาสกนี้ (พระบาลีใช้ศัพท์ว่า  ปญฺจมาสกํ)  เราถือเอาตามอรรถกถาหรือตามที่ปรากฏในพระไตรปิฎกในส่วนที่พระคึกฤทธิ์และพวกเรียกว่า  “คำสาวก”  โดยในพระวินัยปิฎก  มหาวังค์  ภาค ๑ เล่ม ๑  หน้า ๒๔๑ ข้อ ๘๓ (ฉบับหลวง)  บันทึกไว้ว่า  

  “ภิกษุรูปนั้นกราบทูลว่า เพราะทรัพย์บาทหนึ่งบ้าง เพราะของควรค่าบาทหนึ่งบ้าง เกิน บาทหนึ่งบ้าง พระพุทธเจ้าข้า   

แท้จริงสมัยนั้น ทรัพย์ ๕ มาสกในกรุงราชคฤห์ เป็นหนึ่งบาท    ซึ่งการอธิบาย  ๕  มาสกเท่ากับ  ๑ บาท  นี้เป็นการอธิบายโดย  “คำสาวก”  ซึ่งในสมัยที่มีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย  อาจจะเป็นไปได้ว่า  ผู้แปลได้ดูการเทียบค่าเงินจากอรรถกถาและฎีกา  โดยอรรถกถาและฎีกาเทียบมูลค่ามาสกจากราคาทอง  วิธีการคือ นำข้าวสาร ๒๐ เมล็ดมาชั่งน้ำหนักกับทอง ข้าวสาร ๒๐ เมล็ดมีน้ำหนักเท่ากับทองกี่กรัมก็เอาน้ำหนักนั้นไปคำนวนด้วยราคาเงินบาท  ในสมัยที่มีการแปลพระไตรปิฎกข้อนี้  ราคาทองอาจจะแค่บาทละ ๑๐๐  หรือ ๒๐๐ บาท  ดังนั้น  ๕ มาสกจึงมีค่าเท่ากับทองราคา ๑ บาท  ก็เป็นไปได้  

วัดนาป่าพงจึงไม่ควรยกสาวกภาษิตนี้มาตอบเรื่อง  ๕ มาสก  แต่พึงนำพุทธวจนะที่ทรงอธิบายเรื่อง  ๕ มาสกมาแสดงเถิด  ให้สมกับที่พวกท่านชูประเด็น  จุดเด่นว่า  ตนเอาแต่พุทธวจนะเท่านั้น   ไม่เอาอรรถกถา คำครูบาอาจารย์  หรือคำแต่งใหม่ใดๆ ทั้งสิ้น 

ถ้าไม่ใช้หลักการเทียบตามนัยอรรถกถา  จะเกิดปัญหาอีกว่า  ๕ มาสกสำหรับค่าเงินพม่า  ค่าเงินลาว  ค่าเงินศรีลังกา ฯลฯ  จะเป็นเท่าไหร่  แต่ถ้าเทียบกันตามที่พระอรรถกถาจารย์ท่านวางหลักไว้ให้  ไม่ว่ายุคสมัยใด  ค่าเงินประเทศไหน  ก็จะไม่มีปัญหาในการวินิจฉัยเลย

ไม่มีความคิดเห็น: