วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ความเข้าใจผิดของพระคึกฤทธิ์ฯ เกี่ยวกับการอธิบายธรรมของพระสาวก



“ไม่ต้องแก้ครับ  ไม่ต้องคิดว่าเรามีไอเดียที่ดีมาขยายความอะไรครับ  ไม่ต้องครับ” 

คำพูดของพระคึกฤทธิ์นี้  เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระวัดเนินพระแสดงความคิดเห็นถึงถึงหน้าที่ในการอธิบายความ ขยายความของพระอรรถกถาจารย์  และอธิบายให้ท่านคึกฤทธิ์ทราบถึงการอธิบายขยายความ ซึ่งไม่ใช่การบัญญัติธรรมใหม่เพิ่มเติมธรรมที่พระตถาคตตรัสไว้ดีแล้ว 

แต่พระคึกฤทธิ์ฯ กลับไม่ยอมเข้าใจ  และยังยืนยันกลับไปว่า  พระสาวกไม่มีหน้าที่ขยายความ แต่จะต้องกล่าวคำพระพุทธเจ้าทุกคำชนิดก๊อปปี้มา  !!!!!

พระสาวก ไม่จำเป็นต้องอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างที่พระคึกฤทธิ์ว่าไว้ จริงหรือ ?

พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโดยละเอียดแล้วทุกครั้ง จึงไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบายจากสาวกตามที่พระคึกฤทธิ์กล่าว จริงหรือ ?

ตอบ   ไม่จริงเลย เราพบในพระไตรปิฎกหลายพระสูตรที่พระสาวกจะเป็นผู้อธิบายธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสไว้โดยย่อให้พิสดาร และพระพุทธองค์มิได้ทรงแสดงธรรมโดยพิสดารในทุกๆ ครั้ง ในบางครั้งทรงแสดงธรรมโดยย่อ เพียงยกหัวข้อขึ้นแสดงเท่านั้น ภิกษุในครั้งพุทธกาลจึงจำเป็นต้องอาศัยพระสาวกของพระพุทธองค์ให้อธิบายธรรมโดยพิสดาร (โดยละเอียด) การที่พระพุทธองค์ทรงยกเฉพาะหัวข้อขึ้นแสดงนี้ ก็เพื่อเป็นการเปิดทางให้สาวกของพระองค์ได้แสดงธรรม อธิบายธรรม ด้วยทรงเล็งเห็นว่า พระพุทธศาสนาที่พระองค์ประกาศนั้น จะสามารถเผยแผ่และตั้งมั่นอยู่ได้ ก็ด้วยอาศัยพระสาวกของพระองค์นั่นเอง

พระมหากัจจายนะ เอตทัคคะผู้เลิศในการอธิบายธรรมโดยย่อให้พิสดาร ได้ชื่อว่าเป็น "พระอรรถกถาจารย์"

"ดูกรท่านพระกัจจายนะผู้มีอายุ พระผู้มีพระภาคเป็นผู้มีจักษุ มีพระญาณ มีธรรม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ตรัสบอก ทรงให้เป็นไป ทรงแสดงประโยชน์ ประทานอมตธรรม เป็นเจ้าของธรรม เป็นพระตถาคต ทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ ทรงเห็นธรรมที่ควรเห็นโดยแท้ ก็และกาลนั้นเป็นการควรแก่พระผู้มีพระภาคที่กระผมทั้งหลายเข้าไปเฝ้าแล้ว พึงทูลถามอรรถอันนั้น พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลายทรงพยากรณ์ด้วยประการใด กระผมทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้น ก็แต่ว่าท่านพระมหากัจจายนะพระศาสดาทรงสรรเสริญและเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญูยกย่อง ท่านพระมหากัจจายนะย่อมสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุทเทศที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยย่อ ไม่ได้ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ขอท่านพระมหากัจจายนะไม่ทำความหนักใจแล้ว จงจำแนกเถิด ฯ"

เมื่อภิกษุเหล่านั้นได้ฟังคำอธิบายของพระมหากัจจายนะแล้ว มีความปิติยินดียิ่ง ได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเล่าให้ฟังถึงการแสดงธรรมของพระมหากัจจายนะ ดังนี้

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เหล่านั้นแลได้มีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระมหากัจจายนะนี้แล พระศาสดาทรงสรรเสริญ   

และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญูยกย่อง ท่านพระมหากัจจายนะคงสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุเทศ ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ 

ไฉนหนอ เราทั้งหลายพึงเข้าไปหาท่านพระมหากัจจายนะถึงที่อยู่ ครั้นแล้วพึงถามอรรถข้อนั้นกะท่านพระมหากัจจายนะเถิด 

ท่านพระมหากัจจายนะจักพยากรณ์แก่เราทั้งหลายด้วยประการใด 
เราทั้งหลายจักทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้น ดังนี้ 

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญลำดับนั้นแล ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เข้าไปหาท่านพระมหากัจจายนะถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว ได้ถามอรรถข้อนั้นกะท่านพระมหากัจจายนะ ท่านพระมหากัจจายนะได้จำแนกอรรถด้วยดีแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย ด้วยอาการเหล่านี้ ด้วยบทเหล่านี้ ด้วยพยัญชนะเหล่านี้พระเจ้าข้า ฯ

พระพุทธองค์ทรงตรัสสรรเสริญพระมหากัจจายนะและยืนยันในคำอธิบายของพระมหากัจจายนะ เพื่อให้ภิกษุมั่นใจว่า พระสาวกก็สามารถอธิบายธรรมได้ดุจเดียวกับพระองค์

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดีแล้ว ดีแล้ว

ดูกรภิกษุทั้งหลาย มหากัจจายนะเป็นบัณฑิต มหากัจจายนะเป็นผู้มีปัญญามาก

ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้หากเธอทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้วถามอรรถ
ข้อนั้น แม้เราพึงพยากรณ์อรรถข้อนั้นอย่างที่มหากัจจายนะพยากรณ์แล้วนั้นแหละ นั่นเป็นอรรถแห่งอุเทศนั้น และเธอทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้อย่างนั้นเถิด ฯ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต


ไม่มีความคิดเห็น: