“ไม่ต้องแก้ครับ
ไม่ต้องคิดว่าเรามีไอเดียที่ดีมาขยายความอะไรครับ ไม่ต้องครับ”
คำพูดของพระคึกฤทธิ์นี้ เกิดขึ้นเมื่อครั้งพระวัดเนินพระแสดงความคิดเห็นถึงถึงหน้าที่ในการอธิบายความ
ขยายความของพระอรรถกถาจารย์ และอธิบายให้ท่านคึกฤทธิ์ทราบถึงการอธิบายขยายความ
ซึ่งไม่ใช่การบัญญัติธรรมใหม่เพิ่มเติมธรรมที่พระตถาคตตรัสไว้ดีแล้ว
แต่พระคึกฤทธิ์ฯ
กลับไม่ยอมเข้าใจ และยังยืนยันกลับไปว่า พระสาวกไม่มีหน้าที่ขยายความ
แต่จะต้องกล่าวคำพระพุทธเจ้าทุกคำชนิดก๊อปปี้มา
!!!!!
พระสาวก
ไม่จำเป็นต้องอธิบายธรรมของพระพุทธเจ้าอย่างที่พระคึกฤทธิ์ว่าไว้ จริงหรือ ?
พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโดยละเอียดแล้วทุกครั้ง
จึงไม่จำเป็นต้องฟังคำอธิบายจากสาวกตามที่พระคึกฤทธิ์กล่าว จริงหรือ ?
ตอบ
ไม่จริงเลย
เราพบในพระไตรปิฎกหลายพระสูตรที่พระสาวกจะเป็นผู้อธิบายธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสไว้โดยย่อให้พิสดาร
และพระพุทธองค์มิได้ทรงแสดงธรรมโดยพิสดารในทุกๆ ครั้ง ในบางครั้งทรงแสดงธรรมโดยย่อ
เพียงยกหัวข้อขึ้นแสดงเท่านั้น
ภิกษุในครั้งพุทธกาลจึงจำเป็นต้องอาศัยพระสาวกของพระพุทธองค์ให้อธิบายธรรมโดยพิสดาร
(โดยละเอียด) การที่พระพุทธองค์ทรงยกเฉพาะหัวข้อขึ้นแสดงนี้
ก็เพื่อเป็นการเปิดทางให้สาวกของพระองค์ได้แสดงธรรม อธิบายธรรม ด้วยทรงเล็งเห็นว่า
พระพุทธศาสนาที่พระองค์ประกาศนั้น จะสามารถเผยแผ่และตั้งมั่นอยู่ได้
ก็ด้วยอาศัยพระสาวกของพระองค์นั่นเอง
พระมหากัจจายนะ
เอตทัคคะผู้เลิศในการอธิบายธรรมโดยย่อให้พิสดาร ได้ชื่อว่าเป็น
"พระอรรถกถาจารย์"
"ดูกรท่านพระกัจจายนะผู้มีอายุ
พระผู้มีพระภาคเป็นผู้มีจักษุ มีพระญาณ มีธรรม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ตรัสบอก
ทรงให้เป็นไป ทรงแสดงประโยชน์ ประทานอมตธรรม เป็นเจ้าของธรรม เป็นพระตถาคต
ทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ ทรงเห็นธรรมที่ควรเห็นโดยแท้ ก็และกาลนั้นเป็นการควรแก่พระผู้มีพระภาคที่กระผมทั้งหลายเข้าไปเฝ้าแล้ว
พึงทูลถามอรรถอันนั้น พระผู้มีพระภาคของเราทั้งหลายทรงพยากรณ์ด้วยประการใด
กระผมทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้น
ก็แต่ว่าท่านพระมหากัจจายนะพระศาสดาทรงสรรเสริญและเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญูยกย่อง
ท่านพระมหากัจจายนะย่อมสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุทเทศที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยย่อ
ไม่ได้ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้ ขอท่านพระมหากัจจายนะไม่ทำความหนักใจแล้ว จงจำแนกเถิด ฯ"
เมื่อภิกษุเหล่านั้นได้ฟังคำอธิบายของพระมหากัจจายนะแล้ว
มีความปิติยินดียิ่ง
ได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเล่าให้ฟังถึงการแสดงธรรมของพระมหากัจจายนะ ดังนี้
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เหล่านั้นแลได้มีความเห็นร่วมกันว่า ท่านพระมหากัจจายนะนี้แล
พระศาสดาทรงสรรเสริญ
และเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลายผู้เป็นวิญญูยกย่อง
ท่านพระมหากัจจายนะคงสามารถเพื่อจำแนกอรรถแห่งอุเทศ
ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงโดยย่อ ไม่ทรงจำแนกอรรถโดยพิสดารนี้ โดยพิสดารได้
ไฉนหนอ
เราทั้งหลายพึงเข้าไปหาท่านพระมหากัจจายนะถึงที่อยู่
ครั้นแล้วพึงถามอรรถข้อนั้นกะท่านพระมหากัจจายนะเถิด
ท่านพระมหากัจจายนะจักพยากรณ์แก่เราทั้งหลายด้วยประการใด
เราทั้งหลายจักทรงจำอรรถนั้นไว้ด้วยประการนั้น ดังนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญลำดับนั้นแล
ข้าพระองค์ทั้งหลายได้เข้าไปหาท่านพระมหากัจจายนะถึงที่อยู่ ครั้นแล้ว
ได้ถามอรรถข้อนั้นกะท่านพระมหากัจจายนะ
ท่านพระมหากัจจายนะได้จำแนกอรรถด้วยดีแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย ด้วยอาการเหล่านี้
ด้วยบทเหล่านี้ ด้วยพยัญชนะเหล่านี้พระเจ้าข้า ฯ
พระพุทธองค์ทรงตรัสสรรเสริญพระมหากัจจายนะและยืนยันในคำอธิบายของพระมหากัจจายนะ
เพื่อให้ภิกษุมั่นใจว่า พระสาวกก็สามารถอธิบายธรรมได้ดุจเดียวกับพระองค์
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ดีแล้ว ดีแล้ว
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
มหากัจจายนะเป็นบัณฑิต มหากัจจายนะเป็นผู้มีปัญญามาก
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้หากเธอทั้งหลายพึงเข้ามาหาเราแล้วถามอรรถ
ข้อนั้น
แม้เราพึงพยากรณ์อรรถข้อนั้นอย่างที่มหากัจจายนะพยากรณ์แล้วนั้นแหละ นั่นเป็นอรรถแห่งอุเทศนั้น และเธอทั้งหลายพึงทรงจำอรรถนั้นไว้อย่างนั้นเถิด ฯ
พระไตรปิฎก
เล่มที่ ๒๔ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๖
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น