วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สิกขาบทที่ต้องสวดปาฏิโมกข์ กับการบิดเบือนของวัดนาป่าพง



ความแตกต่างระหว่างสิกขาบทที่ยกต้องสู่อุเทสทุกกึ่งเดือน กับพระบัญญัติที่ต้องรักษาแต่ไม่ต้องยกขึ้นสู่อุเทสทุกกึ่งเดือน

สิกขาบทที่พระพุทธเจ้าตรัสให้ต้องยกสู่อุเทสทุกกึ่งเดือน (สวดปาฏิโมกข์) จะมีพระบาลีว่า "เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ" แปลเป็นภาษาไทยว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้"

ส่วนพระบัญญัติที่ต้องรักษาและปฏิบัติตามแต่ไม่ต้องยกขึ้นสู่อุเทศ (สวดปาฏิโมกข์) ทุกกึ่งเดือน จะไม่มีพระบาลีดังกล่าว

ตัวอย่างเช่น
เสขิยวัตร การนุ่งห่มเป็นปริมณฑล ต้องยกขึ้นสู่ปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือน ด้วยมีพระบาลีชัดเจนว่า
"เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ ปริมณฺฑลํ นิวาเสสฺสามีติ สิกฺขา กรณียา ฯ "

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้
ภิกษุพึงทำความศึกษาว่า เราจักนุ่งเป็นปริมณฑล."

ซึ่งแตกต่างจากพระบัญญัติทั่วไปที่ไม่ต้องยกขึ้นสู่ปาฏิโมกข์ เช่น เรื่องการห้ามอุปสมบทกุลบุตรที่ไม่มีจีวร

"น ภิกฺขเว อจีวรโก อุปสมฺปาเทตพฺโพ โย อุปสมฺปาเทยฺย อาปตฺติ ทุกฺกฏสฺสาติ ฯ"
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย กุลบุตรไม่มีจีวร ภิกษุไม่พึงอุปสมบทให้ รูปใดอุปสมบทให้ต้องอาบัติทุกกฏ."

ดังนั้น สิกขาบทใดต้องยกสู่อุเทส โดยนำมาสวดในวันปาฏิโมกข์ทุกกึ่งเดือน ให้พิจารณาตามนี้ ข้ออ้างของวัดนาป่าพงที่กล่าวว่า เสขิยวัตรไม่มีปรับอาบัติบ้าง (ปฏิเสธสิกขาบทวิภังค์ว่าไม่ใช่พุทธวจนะ) สิกขาบทที่ต้องยกสู่ปาฏิโมกข์จะต้องมีการปรับอาบัติไว้ เหล่านี้เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นทั้งสิ้น


สรุป สิกขาบทที่ต้องยกสู่ปาฏิโมกข์จะมีพระบาลีว่า "เอวญฺจ ปน ภิกฺขเว อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ" แปลเป็นภาษาไทยว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้" โดยไม่จำต้องคำนึงว่าสิกขาบทนั้นจะมีกี่ข้อก็ตาม ต้องยกขึ้นสู่อุเทสทั้งสิ้น

ไม่มีความคิดเห็น: